ศิริกัญญา แจงกลไกยื่นศาล เป็นทางเลือกสุดท้าย หากยังดัน ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่เข้าใจรัฐบาล ทำไมยอมเสี่ยงขนาดนี้ รับ‘บวชชี’ แน่ ถ้าจีดีพีโต 5% ในอายุรัฐบาล
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงการไม่รับตำแหน่งในกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ครั้งแรกที่เราไม่รับตำแหน่ง เพราะกินเวลานานมาก เพียงเพื่อจัดลำดับตำแหน่งให้ทุกคนลงตัวตามที่ทุกคนอยากได้ อย่างรองประธานก็มี 10 กว่าท่าน โฆษกอีก 5-6 ท่าน
“มันวุ่นวาย เราเลยตัดปัญหาตรงที่ว่าคุณไปใช้เวลาของคุณให้เต็มที่ แต่พรรคก้าวไกลจะไม่รับตำแหน่ง เราพบว่าการเป็นแค่กมธ.ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการทำงานในห้องงบประมาณ จึงยึดเป็นธรรมเนียมของพรรคก้าวไกล” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์ว่าถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านวาระสาม จะไปยื่นศาล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันนั้นตนไม่ได้พลาด แต่อาจพูดสั้นไป ตอนอภิปรายงบประมาณ ก็พูดถึงเรื่องที่รัฐบาลสุ่มเสี่ยงที่จะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตราต่างๆ หลังจากนั้นก็เตือนข้าราชการประจำด้วยว่า ถ้ากำลังทำอะไรผิด ให้ส่งหนังสือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึงผู้บังคับบัญชา
หลังจากที่เราพยายามในสภาฯเสร็จสิ้นแล้ว กลไกของศาลอาจเป็นตัวเลือกหลังสุดที่เราจะเลือกทำ อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องสู้ในสภาฯให้จบก่อน เท่าที่ศึกษาก็มีช่องทางไปที่ศาลปกครองได้ แต่ยังไม่ได้พูดคุยในพรรคให้ตกผลึก
“มีช่องทางที่ไปได้จริงๆ แต่ต้องมีความผิดที่สำเร็จแล้ว ดังนั้น จึงต้องออกกฎระเบียบหลังจากร่าง พ.ร.บ.ผ่านทั้งสามวาระแล้ว ดังนั้น ต้องรอให้เสร็จก่อนถึงจะดำเนินการต่อได้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะไปที่ศาลปกครองหรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
เมื่อถามว่าหลักการยังเหมือนเดิมหรือไม่ ที่อำนาจออกกฏหมายอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ควรให้องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาแทรกแซง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เหมือนเดิม ถ้าเป็นเรื่องนโยบาย เราจะไม่เข้าไปขัดขวางโดยใช้กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน และแม้แต่ศาลปกครอง ถ้าเป็นเรื่องนโยบายเราก็ไม่ทำ เพียงแต่กระบวนการบางกระบวนการ มันอาจจะผิด เราต้องพิจารณาว่าจะมีช่องทางไหนบ้าง
เมื่อถามว่าอีกฝั่งหนึ่งกล่าวว่าหากระงับยับยั้งดิจิทัลวอลเล็ต ประเทศจะเสียหาย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า งบประมาณ 2568 มีความสำคัญที่สุด หากจะระงับยับยั้งนอกเหนือจากกลไกที่ใช้ได้ในสภาฯ ซึ่งเราจะใช้กระบวนการในกมธ.ไปจนเสร็จ แต่งบประมาณ 2567 ซึ่งของบเพิ่มเติมกลางปีด้วยการกู้เงินเพิ่มอีก 112,000 ล้านบาท ตรงนี้ไม่ได้กระทบกับใครเลย นอกจากดิจิทัลวอลเล็ต ก็เป็นอีก 1 แหล่งเงิน ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าก็หาแหล่งเงินอื่นได้โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมาย เราจึงคิดว่าไม่กระทบประชาชนแน่นอน
น.ส.ศิริกัญญา ย้ำว่า งบประมาณ 2567 ที่จะใช้เป็นงบข้ามปี ซึ่งจะอนุมัติในงบปีงบประมาณ 2567 แต่จะขอไปใช้ในปี 2568 ซึ่งงบนี้จำเป็นต้องใช้ให้หมดภายในปีเท่านั้น ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง การจะใช้ข้ามปีได้ต้องก่อหนี้ผูกพันหรือทำสัญญาให้เสร็จ แต่กรณีดิจิทัลวอลเล็ต ไม่มีการทำสัญญา แต่มีการลงทะเบียน โดยนับการลงทะเบียนเป็นการผูกพันทำสัญญา ซึ่งมันสุ่มเสี่ยง
ถ้ามีหน่วยงานที่ใช้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐาน แล้วบอกว่าถ้าอย่างนั้น โครงการยังไม่ได้ทำ ให้ประชาชนลงทะเบียนก่อนแล้วถือว่าผูกพันตามสัญญาแล้ว ขอไปใช้ในปีถัดไป แบบนี้จะเกิดความเสียหายได้ในอนาคต จะมีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีในหลายหน่วย เรื่องนี้เป็นเทคนิค แต่ข้าราชการประจำก็ทราบดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
“เป็นช่องทางที่เราเห็นว่า มันทำผิดตำตา เราไม่อยากเห็นการกระทำที่มีความผิดกฎหมายแบบนี้ ซึ่งผลที่เราอยากเห็น ก็คืออยากแค่ยับยั้ง ไม่ใช่เป็นการเอาผิดหรือล้มโครงการไปเลย รัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปได้โดยใช้แหล่งเงินอื่น เราคอยดูว่าจะไม่มีกระบวนการไหนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นโครงการที่พรรคเพื่อไทยสัญญากับประชาชนไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียว ต้องทำให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นจะเสียอะไรไปมากกว่า ทั้งความนิยม ความเชื่อใจและชื่อเสียงที่ทำมาในอดีตของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มันเลยกลายเป็นว่า ต้องยอมแลกทุกอย่าง ทำให้เกิดความเสี่ยงในทุกด้าน ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องยอมทำทุกอย่างขนาดนี้เพื่อรักษาหน้าอย่างที่เห็น
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ส่วนเรื่องการท้าให้ไปบวชชี หากดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จ เป็นการท้าฝั่งเดียวของนายอดิศร เพียงเกษ อดีตประธานวิปรัฐบาล แต่เรื่องจีดีพีโต 5% หากทำสำเร็จ ตนจะบวชจริง
เมื่อถามว่ามีกำหนดเวลาถึงปี 2570 หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา ย้อนว่า “หากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นทันตา หมดสงคราม ดิฉันก็อาจจะต้องบวชจริง เพื่อล้างซวยให้ประเทศ ย้ำว่า GDP เฉลี่ย 4 ปีตามอายุไขรัฐบาล หากโต 5% จะบวชจริง”