เพื่อไทย บอก ‘ปิยบุตร’ พูดเกินเลย ปมให้ความเห็นคดี ‘ชาญ’ ถามกลับถ้าแพ้จะมีใครมาไล่บี้แบบนี้หรือไม่ ยันมีคุณสมบัติผู้สมัคร 100% พร้อมน้อมรับคำสั่งศาล
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 4 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุถึงคดีนายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี มี 2 แนวทางคือให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายหรือให้นายชาญ ออก ว่า ที่นายปิยบุตรพูดนั้น เกินเลยไปแล้ว
สิ่งที่นายชาญ โดนอยู่ตอนนี้เป็นคดีเก่า และการเลือกตั้งก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ส่วนเรื่องคดีของนายชาญ ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมของศาล ฉะนั้น การออกมาให้ข้อมูลต่างๆ ตนมองว่าน่าจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล
เมื่อถามว่าหากรอให้ศาลอาญาทุจริตสั่งอาจต้องลากยาวจนกว่าจะถึงที่สุด ระหว่างนี้ก็ให้ดำเนินการต่อไปคือมีทีมรองนายก อบจ. หากที่สุด ศาลสั่งจะสร้างปัญหาการทำงานในทีมหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมองว่า ขั้นตอนอยู่ในกระบวนการของศาล หากจะให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ต้องมีคนร้อง เพราะวันที่ศาลประทับรับฟ้อง ไม่มีคำสั่งห้อยท้ายว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
เรื่องนี้นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ได้ย้ำถึงเรื่องว่า ต้องมีผู้ร้อง ไปร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการหลังรับรองแล้ว มีคนไปร้องหรือไม่ ใช้เวลานานหรือหากมีคนร้องใช้เวลานานเท่าไหร่
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า หากนายชาญ ได้เป็น นายก อบจ. แล้วเข้าไปแต่งตั้ง รองนายก อบจ. หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่รองนายก อบจ. ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือในกรณีไม่ได้ตั้งใครเลย แต่กกต. รับรองเป็นนายกอบจ.แล้ว ปลัดอบจ.เป็นผู้รักษาการแทน และตัวนายชาญ ก็ต่อสู้ในคดีที่ตนเองถูกกล่าวหาต่อไป
เมื่อถามถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย อ้างไม่อยากเสี่ยง พร้อมจะเดินตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกาเสนอว่าหากเข้ารับตำแหน่งแล้ว ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ถ้าไม่หยุดให้ผู้ว่าฯ ตั้งกรรมการสอบหยุดปฏิบัติ ถ้าผลสอบออกมาก็ปลดทันที นายสรวงศ์ กล่าวว่า แต่ละจังหวัดผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือผู้ว่าฯ
การปฎิบัติหน้าที่ของอบจ. อบต.หรือ ข้าราชการในแต่ละจังหวัด หากเห็นว่ามีการทุจริตหรือมีผู้ไปร้อง แล้วเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ที่จะออกหนังสือเพื่อสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นี่เป็นเรื่องปกติ ของกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว และนายอนุทิน กำกับกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านจะสอบถามไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ที่ออกมาให้ความเห็นคือเลขาฯกฤษฎีกา
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นองค์คณะ ถ้าจะออกคำตอบมาไม่เหมือนกับเลขาฯกฤษฎีกาก็ได้ แต่หากออกมาเหมือนแล้วมีการปฏิบัติอย่างไร ตนย้ำว่าเราน้อมรับ และตัวนายชาญ ก็ต้องยอมรับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่ตนอยากให้แยกออกจากกันระหว่างเรื่องของการเลือกตั้งกับการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามว่าบางกระแสมีการเรียกร้องให้พรรค พท. แสดงสปิริตออกมาขอโทษประชาชนและให้นายชาญลาออก นายสรวงศ์ กล่าวว่า นายชาญมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ฯ 100% และก่อนที่จะรับสมัครเราก็ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ซึ่งก็ไม่มีอะไร มีเพียงแค่คดีติด และคดีติดตัวหากไปดูในสภาฯ ก็มีคนที่มีคดีติดตัว แต่ตัวเองอยู่ในขั้นตอนการต่อสู้ และหากศาลสั่งว่ามีความผิดก็ต้องออก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
“นายชาญไม่ใช่กรณีแรก พรรคเพื่อไทยส่งนายชาญไม่มีอะไรผิด เพราะนายชาญ มีคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร และกกต.ก็รับรองเป็นผู้สมัครจนการเลือกตั้งเสร็จไปแล้ว ลองถามกลับกัน หากคุณชาญแพ้จะมีใครมาไล่บี้แบบนี้หรือไม่ ฉะนั้น ผมมองว่าต้องแยกแยะเรื่องการเลือกตั้งและการปฏิบัติหน้าที่” นายสรวงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีความมั่นใจแค่ไหนว่านายชาญจะปฏิบัติหน้าที่ได้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หรือนายชูศักดิ์ เราคิดตรงกันว่าทุกอย่างในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของศาล ไม่ว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือคณะกรรมการกฤษฎีกา ตนอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากศาลออกมาว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็หยุดโดยอัตโนมัติ เราก็ไม่ติดอะไร พร้อมน้อมรับคำสั่งของศาล
เมื่อถามว่าหากนายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ต่อเมื่อ กกต.รับรองนายชาญ เป็นนายก อบจ.แล้ว และตอนนี้การเลือกตั้งได้ผ่านมาแล้ว ซึ่งต้องรอ กกต. หาก กกต.เห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่สุจริต ไม่ยุติธรรม และไม่มีการรับรองเกิดขึ้นนั้นก็จะเป็นสิ่งที่พรรคต้องกังวล แต่ตอนนี้การเลือกตั้งผ่านมาแล้ว ถือว่าการเลือกตั้งจบลงแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่