“วุฒิสภา” เตรียมพร้อม จัดสถานที่รับรายงานตัว 200 สว.ชุดใหม่ แล้ว ขณะที่ “มงคล สุระสัจจะ” มาแรง ตัวเต็งแคนดิเดตประธานวุฒิสภา
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาคำร้องของผู้สมัคร สว.ในการเลือก สว.ที่ผ่านมา ก่อนการประกาศรับรองผู้ได้รับเลือกทั้ง 200 คน นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ หลังจาก กกต.ประกาศรับรอง 200 สว. และบัญชีสำรอง 100 คน และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ขั้นตอนต่อไป สว.ทั้ง 200 คนต้องมารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อรับบัตรประจำตัวของการเป็น สว. รวมถึงเอกสารและคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ สว.
ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับการเข้ารายงานตัวของ 200 สว.ชุดใหม่แล้ว ที่ห้องริมน้ำ ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา และพร้อมรับการรายงานตัวได้ในวันถัดไปจาก กกต.ประกาศรับรอง
ทั้งนี้ ในการจัดเตรียมห้องรับรายงานตัว รวมถึงห้องรับรอง สว.ชุดใหม่นั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ทางสำนักงานเลขาธิการนำป้าย “ห้ามเข้า” ติดไว้ที่ประตูทางเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะเปิดรับรายงานตัว ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่า สว.จะเข้ารายงานตัวครบ 200 คน จากนั้นจะนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้ สว. 200 คนกล่าวคำปฏิญาณต่อที่ประชุมก่อนปฏิบัติหน้าที่ และจะเป็นวาระการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ซึ่งมีผู้ที่เป็นแคนดิเดตประธานวุฒิสภา คือ นายมงคล สุระสัจจะ ว่าที่สว.กลุ่ม 1 การบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง
นอกจากนี้อาจมีประเด็นข้อหารือที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานเป็นวาระสำคัญ เช่น การตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่ สว.ชุดที่ผ่านมาตั้งคณะทำงานไว้แล้ว เพื่อสานต่อการทำงานให้ต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งกรรมการศึกษาร่างกฎหมายคู่ขนานกับสภาผู้แทนราษฎร เช่น ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ สว.ชุดใหม่ 200 คน เป็นชุดที่ 13 ของการเมืองไทย มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการเลือกในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ต้องจับตาการทำงานของ สว.ชุดใหม่ที่ถูกมองว่ามาจากสายบ้านใหญ่เครือข่ายนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ในมาตรา 113 ของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วยว่า สว.ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ