สุดารัตน์ แนะสภาฯรอบคอบ อย่าเป็นตรายาง ช่วยผ่านงบ 1.22 แสนล้าน ให้รัฐบาลเอาไปแจกดิจิทัล 10,000 บาท ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้น ได้ไม่คุ้มเสีย กลายเป็นภาระหนี้ของประเทศ
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ ครม.เป็นผู้เสนอวงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อนำไปทำโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ตว่า เงินที่จะกู้มาแจกมีถึง 450,000 ล้านบาทนั้น เท่ากับ 2.5% ของ จีดีพี
แต่รัฐบาลบอกว่าจะสามารถเพิ่ม จีดีพี ได้ 1.2-1.8% และจะโตเพียงช่วงสั้นๆ เพราะเป็นการแจกเงิน ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
จึงห่วงใยว่า โครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเงินกู้จำมหาศาล จะกลายเป็นภาระหนี้ให้กับประเทศ และคนไทยไป ชั่วลูกชั่วหลาน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง เพราะตัวเลข พุ่งไปที่ 91% หรือเท่ากับ 16.3 ล้านล้านบาท
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ที่สาหัสไปกว่านั้นคือ สินเชื่อรวมภายใต้ข้อมูลของเครดิตบูโร 13.6 ล้านล้านบาท กลายเป็นหนี้เสียไปแล้วถึง 1.09 ล้านล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาที่หนี้เสียอยู่เพียง 1.05 ล้านล้านบาทเท่านั้น
สะท้อนว่าหนี้เสียยังคงพุ่งต่อเนื่อง อาทิ หนี้เช่าซื้อรถยนต์ เป็นหนี้เสียถึง 2.38 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่อง 32% และหนี้ที่อยู่อาศัยอีก 1.99 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 18.2% สินเชื่อบุคคลอีก 2.6 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 12% และบัตรเครดิต 6.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.6% ขณะที่หนี้ที่กำลังจะเสีย แต่ไม่เกิน 90 วัน หรือกลุ่ม SM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท ทั้งหมดยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะมีโครงการออกมาแก้ปัญหาก็ตาม