สภาฯ มติเอกฉันท์ รับหลักการ 421เสียง ฟื้นกฎหมายคำสั่งเรียกของกมธ. หวังคืนอำนาจกรรมาธิการ ให้เรียก รมต.-ข้าราชการ แจงได้ หลังถูกริบตามคำวินิจฉัยศาลรธน.ปี 63
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ…. ซึ่งเสนอโดยนายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย
และร่างพ.ร.บ.ที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกันอีก 2 ฉบับ ซึ่งเสนอโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีราชื่อ พรรคก้าวไกล และน.ส.ทิสรัตน์ เลาหพล สส.กทม. พรรคก้าวไกล
ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ สส.ทั้งในส่วนของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย มีความเห็นไปในทางเดียวกัน คือ สนับสนุนให้รับหลักการของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีสาระเพื่อต้องการคืนอำนาจให้กับกรรมาธิการ (กมธ.) ในการทำงานตรวจสอบประเด็นความไม่โปร่งใสที่เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งจากฝ่ายบริหาร รัฐมนตรี และข้าราชการ
หลังจากที่อำนาจเรียกบุคคลหรือเอกสารมาตรวจสอบในกมธ. จากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2563 เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 มีคำวินิจฉัยว่า มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560
เนื่องจากกำหนดบทลงโทษทางอาญานั้น ถือเป็นบทบัญญัติที่ขัดกับมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญ จึงทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงาน เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่กมธ.เชิญให้มาประชุมหรือชี้แจงรายละเอียด
หลังสมาชิกอภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมได้ลงมติรวมกันในคราวเดียว โดยมีมติเอกฉันท์ 421 เสียง รับหลักการของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว และได้ตั้งกรรมาธิการจำนวน 31 คน