“สุทิน-ทบ.” ถกเครียด ปมแก้ผ้าทหาร สั่งตรวจสุขภาพจิตครูฝึกทั่วประเทศ ยืนยันไม่ละเว้น สอบวินัย หากเข้าข่ายอาญาต้องขึ้นศาลทหาร

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2567 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม หารือกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 และพล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กรณีการลงโทษกำลังพลด้วยวิธีการจับแก้ผ้า ที่ฐานปฏิบัติการนอแล จ.เชียงใหม่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง

โดยนายสุทิน แถลงว่า เหตุการณ์​นี้ผู้บัญชาการทหารบกได้รายงานเป็นเอกสารมาให้ตนทราบเรื่องแล้ว เพียงแต่วันนี้ตนอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผลการสอบสวนพบว่า เกิดขึ้นจริง 2 ครั้ง ในเดือนมี.ค. และส.ค. ซึ่งทั้ง 2 กรณีทางกองทัพบกได้สอบสวนและลงโทษไปแล้ว

ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า การลงโทษสมควรแก่เหตุและจะเป็นการป้องปรามไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตหรือไม่ ซึ่งพบว่าในระเบียบได้เขียนไว้รัดกุม แต่อาจจะต้องมีการซักซ้อมในวิธีการปฏิบัติ ทั้งในเรื่องการสอบสวนและการนำตัวขึ้นศาลทหาร เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติได้ถูกต้อง

ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ได้รับการลงโทษโดยธำรงวินัยไปแล้ว แต่เพื่อให้สังคมสบายใจ ทางกระทรวงกลาโหมจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอีกครั้งว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับการลงโทษสมควรแก่หรือยัง

ส่วนในอนาคตจะมีแนวทางอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนี้อีก นายสุทิน กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นในการออกสนามชายแดน ซึ่งต้องปฏิบัติภารกิจที่เข้มข้น เพื่อพร้อมรบ

ดังนั้น ในสนามจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่าค่ายฝึกอื่นๆ ฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดความเข้มข้นในการลงโทษจึงมีมากกว่า แต่ไม่ได้ให้โอกาสหรือสิทธิพิเศษว่า ออกชายแดนแล้วจะต้องลงโทษมากกว่าปกติ ต้องยึดตามระเบียบ

เพียงแต่โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์เลยเถิดมันมีมากกว่า เนื่องจากมีหน้าที่กำกับดูแลปฏิบัติงานในสนามชายแดนให้มีความเข้มแข็ง หากพบกำลังพลหย่อนยานหนีออกจากค่ายก็จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานในชายแดน จึงต้องลงโทษกันรุนแรง

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องที่จะต้องมีการออกมาตรการรวมถึงการฝึกทหารใหม่ ตนได้สั่งการให้สังคายนาระเบียบปฏิบัติการทั้งหมดแล้ว ทำความเข้าใจและให้ความรู้แก่ผู้บังคับบัญชาให้ชัดเจน และสอดส่องดูแล หากพบว่าหย่อนยาน บกพร่องก็ต้องลงโทษ

ซึ่งการสอบสวนและการลงโทษต่อไปนี้จะเกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ 1.สอบสวนทางวินัย 2.หากเข้าข่ายกฎหมายอาญาต้องขึ้นศาลทหาร นอกจากนี้ ตนจะยกเครื่องการทำงานของจเรทหาร เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเพิ่มคนและเครื่องมือในการสอดส่องดูแล เพื่อให้ทั่วถึง เป็นหูเป็นตาให้ผู้บังคับบัญชาได้มากขึ้น

ขณะที่ค่ายฝึกรวมถึงสนามชายแดนให้ตรวจสอบสุขภาพจิตผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะครูฝึกทั่วประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดความเครียด จนลงโทษแบบวิตถาร ต้องไม่ละเลย เพราะมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้

สำหรับเคสดังกล่าวที่สั่งให้แก้ผ้า ผู้บังคับบัญชาจะลงไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายโรคจิตหรือไม่ เพราะสุขภาพจิตและโรคจิตเกิดขึ้นได้หลายอย่าง บางครั้งเกิดจากความเครียดในหลายๆ ด้าน และมีสถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นตัวกระตุ้น ประกอบกับในกองทัพมีกำลังพลจำนวนมาก อาจมีพฤติกรรมบางอย่างหรือเข้าข่ายเป็นโรคจิตได้

นอกจากนี้ ตนเตรียมที่จะประชุมและมอบนโยบายพิเศษในทุกเหล่าทัพ ตั้งแต่ผู้บัญชาการกองพล ไปจนหน่วยขึ้นตรงทุกหน่วย โดยมีผบ.เหล่าทัพรวมด้วย ซึ่งอาจจะใช้เวทีสภากลาโหมในครั้งหน้า เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน

นายสุทิน กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าปัจจุบันโซเชียลเข้าถึงทุกอย่าง และตนก็มีระบบตรวจสอบ แม้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดนกระทำจะไม่กล้าร้องทุกข์ แต่ก็ไม่สามารถรอดสายตาของผู้จับจ้องได้ และตนจะมีการตั้งศูนย์ออนไลน์ให้ทหารชั้นผู้น้อยได้ร้องทุกข์

อย่างไรก็ตาม จากเคสดังกล่าวไม่พบว่า มีความพยายามที่จะปิดปากทหารที่ถูกกระทำ หรือแม้แต่คิดจะทำก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่รอบคอบ เพราะไม่สามารถปิดได้อยู่แล้ว และตนก็เน้นย้ำมาตลอดว่าสังคมจับจ้องกองทัพ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ก็มีมาก บางส่วนก็มีด้อยค่าหรือดิสเครดิตกองทัพ ต้องระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่เข้าทางเขา การไปปิดปากก็ไปเข้าทางเขาเลย

ทั้งนี้ นายสุทิน ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบกับการรณรงค์ให้มาสมัครใจเป็นทหาร แต่เชื่อว่าการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความจริงปรากฏประชาชนสามารถแยกแยะได้ ไม่ได้เกิดขึ้นมากกับทุกหน่วยทหาร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็นำไปขยายให้น่ากลัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน