รทสช. ชงชื่อ ‘เอกนัฏ’ นั่งรมต.ในโควตาที่ว่างอยู่ 1 เก้าอี้ หลังหลุดคดี เผยนายกฯ-แกนนำเพื่อไทย ชี้เป็นสิทธิ์ส่งมาได้ ถ้าไม่ขัด รธน. แต่ยังไม่ปรับครม.ช่วงนี้

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสความเคลื่อนไหวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนโควตาของพรรค เพราะยังมีเก้าอี้ว่าง 1 เก้าอี้ หลังการลาออกของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลัง โดยมีชื่อของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากปัจจุบันนายเอกนัฏ ไม่มีคดีความติดตัวแล้วนั้น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่มีรายงานระบุว่าไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งชื่อนายเอกนัฎ หรือชื่อบุคคลอื่นก็เป็นสิทธิ์ หากคุณสมบัติไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่มีปัญหา

“แต่การปรับรม.คงไม่เกิดในเร็วๆ นี้โดยเฉพาะในช่วงเดือนส.ค. เนื่องจากอยู่ระหว่างที่มีคดีความสำคัญที่จะมีการตัดสิน จึงไม่เหมาะที่จะปรับในช่วงนี้ตามที่นายกฯ ได้กล่าวไว้” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า นายเอกนัฎ ได้ระบุกับคนใกล้ชิดว่ากระแสข่าวดังกล่าว น่าจะมาจากหัวหน้าพรรค อาจเสนอไปขอโควตาตำแหน่งที่ว่าง ส่วนจะเป็นใครนั้นไม่ทราบ ส่วนที่มีชื่อของตัวเองปรากฎเป็นข่าว คาดว่าเป็นแรงเชียร์ของคนในพรรคมากกว่า อีกทั้งตนเองก็เพิ่งหลุดคดี

นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ส่งหนังสือไปยังนายกฯ แสดงเจตจำนงให้นายเอกณัฏ เป็นรัฐมนตรีแทนโควตาของพรรคที่ว่างอยู่ว่า นายเอกนัฏ ยังไม่ทราบเรื่องหนังสือ แต่เป็นไปได้ว่าหัวหน้าพรรค จะส่งหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ยังไม่มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรค เนื่องจากติดประชุม

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้พรรคได้พูดคุยเรื่องการเสนอชื่อคนที่จะเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ทางพรรคยังเหลือโควตารัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง ดังนั้นข่าวที่ออกมาว่าจะเป็นนายเอกนัฏ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลุดจากคดีความแล้ว และมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี

นายอัครเดช กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคคงไม่มีใครปฏิเสธ เนื่องจากนายเอกนัฏ ทำงานด้วยความทุ่มเท และที่ผ่านมาทั้งช่วงหาเสียงและงานในสภาฯ ก็มีผลงานชัดเจน ยืนยันว่าทุกคนพร้อมสนับสนุนให้นายเอกนัฏ ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรค ดังนั้น หนังสือไม่ใช่ใจความสำคัญ อย่างไรก็ตาม อำนาจการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่นายกฯ และหัวหน้าพรรค

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน