ฝ่ายค้าน จี้ ‘แพทองธาร’ รีบแถลงนโยบาย หวัง ดิจิทัลวอลเล็ต ชัดเจน เห็นด้วยเลือกกลุ่มเปราะบาง กระตุ้นศก.ระยะสั้นได้ จับตา กมธ.งบ 68 โหวตเปลี่ยนงบ 3.5 หมื่นล้าน เข้าโครงการเติมเงินหมื่น

เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 21 ส.ค.2567 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวจะเปลี่ยนเกณฑ์การแจกเงินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการเติมเงินสดลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ต้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่คอนเฟิร์ม ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แต่ทางออกทางนี้ ก็เป็นทางออกที่เราพูดกันมาสักพักแล้ว ในการใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งไม่สามารถใช้ข้ามปีได้ ต้องใช้ภายในวันที่ 30 ก.ย. ฉะนั้น ทางออกที่จะแจกให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 คือการจ่ายเป็นเงินสดจะเป็นทางออกเดียวที่จะใช้งบเพิ่มเติมกับงบประจำปีบางส่วนได้ จึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลจะมีตัวเลือกนี้อยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราพอคาดเดาได้

เมื่อถามว่าการนำไปแจกเช่นนี้ คิดว่าสุ่มเสี่ยงหรือจะกระตุ้นได้จริงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากเม็ดเงินที่ใส่ในระบบน้อยลง ผลของการกระตุ้นก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วย สำหรับกลุ่มเปราะบางจะมีผลใช้จ่ายมากกว่าคนที่มีรายได้มากอยู่แล้ว เพราะได้เท่าไหร่ใช้จนหมด ขณะที่คนที่มีรายได้มากอาจจะใช้บางส่วนและเก็บบางส่วน

ฉะนั้น จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสูงกว่าในกรณีที่จ่ายทุกคน รวมถึงจ่ายคนรวยด้วย แต่วงเงินที่น้อยลง อาจจะทำให้ผลต่อเศรษฐกิจน้อยลงด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้ว เงินงบประมาณปี 68 จะถูกนำมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในรูปแบบใด

เมื่อถามว่าหากวงเงินน้อยลง จะไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควรใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องรอดูก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นด้วยคือ จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ หากต้องรอดูจนถึงไตรมาส 4 หรือรอไปถึงไตรมาส 1 ของปีถัดไป ในกรณีที่ไม่สามารทำให้ระบบการชำระเงินแล้วเสร็จได้ อาจทำให้ช้าเกินควร ฉะนั้น การเลือกจ่ายเฉพาะกลุ่มเปราะบางก่อน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ณ วันนี้โดยที่ไม่ต้องรอ

เมื่อถามว่าหากกลับมาจ่ายเงินสด ถือว่าฟุ่มเฟือยหรือไม่ เพราะมีการทำแอปทางรัฐแล้ว น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แอปที่ทำมาใหม่ ระบบการชำระเงินต่างๆ แน่นอนว่าทำเพื่อรองรับสำหรับ 50 ล้านคนที่มีสิทธิ์จะได้เงินตามเกณฑ์ดิจิทัลวอลเล็ต

แต่หากเหตุผลและความจำเป็นของแหล่งที่มาของเงินไปทางนั้นไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและหาทางออกเรื่องนี้ และแอปทางรัฐยังใช้ได้หลายวาระ ไม่สูญเปล่า แต่เรื่องการชำระเงินนั้น ต้องรอให้ครม.ใหม่มายืนยันว่าจะยังคงใช้ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ อย่างไร

ตอนนี้ความไม่แน่นอนมีอยู่สูงมากสำหรับโครงการนี้ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะเรื่องแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่วันนี้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จะลงมติ เพื่อเปลี่ยนแปลงงบ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อไปใส่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยการไปตัดลดงบประมาณที่ใช้ชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน เอ็กซิมแบงค์ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

หากจำกันได้เขาบอกว่าจะบริหารจัดการงบปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท ก็จะมาจากตรงนี้ด้วย แม้จะยังไม่ครบตามจำนวน 1.32 แสนล้านบาท แต่เราก็ไม่เห็นด้วย ที่จะไปตัดลดงบชำระหนี้ของธนาคารรัฐ เพราะเงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่ต้องชำระหนี้วาระแรกตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง และเราติดหนี้ธนาคารรัฐมาอย่างยาวนาน บางโครงการยังไม่มีการใช้หนี้ แต่มาวันนี้จะปรับลดงบที่จะใช้ชำระหนี้

“ดังนั้น อยากให้รีบแถลงนโยบายเพื่อให้ความไม่แน่นอนจบลง ตอนนี้มีข่าวลือเข้ามาเยอะว่าจะใช้งบประมาณทั้งปี 67 และปี 68 ทุกอย่างอยู่ในภาวะชะงักงันไปหมด เพราะยังไม่รู้ว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะถอย เดี๋ยวจะเดินหน้า งงไปหมดแล้ว จึงขอให้รีบมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อให้เกิดความชัดเจน”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ด้านนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการตัดลดงบสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมายหรือไม่ว่า ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เมื่อรัฐบาลสั่งให้ธนาคารแห่งรัฐไปดำเนินนโยบายจนเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องตั้งชำระหนี้คืน ที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามเจตนารมณ์ วันนี้อยู่ๆ จะมาเปลี่ยนแปลงจำนวน 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อนำมาใส่ในงบกลาง ที่ยังไม่มีมติครม.ด้วยซ้ำ รวมถึงความชัดเจนและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

จึงคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะขัดต่อวินัยการเงินการคลัง และจะขอความเห็นใน กมธ.งบฯ วันนี้เพื่อความชัดเจน เพราะหากปล่อยไป อาจทำให้กฎหมายวินัยการเงินการคลังไม่มีความหมายอีกต่อไป

เมื่อถามว่าจะมีวิธีสกัดกั้นก่อนการโหวตหรือไม่ นายวรภพ กล่าวว่า ตามสัดส่วนของ กมธ.คงยึดเสียงข้างมากเป็นหลัก หากมีการโหวตกัน เสียงข้างน้อยก็คงไม่ชนะ แต่ด้วยเพราะเราอยากรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เราจึงไม่อยากปล่อยให้เกิดพฤติกรรมอย่างนี้ต่อไป

เมื่อถามว่าหากมีมติเห็นชอบไปแล้วฝ่ายค้านจะยื่นตรวจสอบหรือไม่ นายวรภพกล่าวว่า คงจะต้องหารือกันภายในพรรค เพราะเรื่องนี้เป็นหัวใจที่สำคัญ แต่เจตนาตนค่อนข้างไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ เราไม่อยากให้การใช้อำนาจโดยเสียงข้างมากทำอะไรก็ได้ หรือตีความกฎหมายให้เป็นคุณกับรัฐบาลเอง และไม่สนใจการมีอยู่ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง

เมื่อถามว่าวันนี้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อยากฝากอะไรหรือไม่ นายวรภพ กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่เราเคยเสนอไป เช่นเงื่อนไขที่อยากให้รายย่อยเข้ามาได้ประโยชน์มากที่สุด หากยังไม่มีการเปลี่ยนเงื่อนไขผลประโยชน์ทั้งหมด ก็จะไปตกกับร้านค้าสะดวกซื้อ เจ้าสัวขนาดใหญ่ที่จะได้ประโยชน์ ขณะที่ร้านค้าขนาดย่อยก็จะเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าที่ควรจะเป็น อยากฝากว่าหากจะกระตุ้นเศษฐกิจก็ให้คำนึงถึงร้านค้ารายย่อย ไม่ใช่นึกถึงร้านค้าสะดวกซื้ออย่างเจ้าสัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน