ศุภณัฐ สส.พรรคประชาชน อภิปราย กรมการข้าว-กรมชลประทาน จับตาหลายโครงการ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฏร มีนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระ 2 เป็นวันที่ 2 ในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ จำนวน 36,297,406,700 บาท

นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ตนขอแปรญัตติปรับลดงบประมาณกระทรวงเกษตรฯ พุ่งเป้าที่กรมการข้าว และกรมชลประทาน สำหรับกรมการข้าว มี 2 โครงการที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต คือโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบบาดาล 13 จุด งบฯ 62 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับลดในชั้นอนุฯไป 30.7ล้านบาท เหลืออยู่ที่ 31.8 ล้านบาท

และโครงการระบบสูบน้ำแบบระบบผิวดิน 480 ล้านบาท ปรับลดในชั้นอนุฯไป 65ล้านบาท เหลือ 415 ล้านบาท รวม2 โครงการ จะเป็นจำนวน 447 ล้านบาท ตอนตนนั่งอยู่ในอนุกมธ.ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง อยากตัดทั้งโครงการแต่ไม่สำเร็จ ตัดได้แค่ 95 ล้านบาท

นายศุภณัฐ อภิปรายว่า ตนจึงขอเสนอแปรญัตติปรับลดตัดทั้งโครงการอีก เนื่องจากพฤติกรรมส่อทุจริตหลายอย่าง คือ การได้มาซึ่งราคากลาง กรมการข้าว ใช้วิธีการสืบราคาทั้งโครงการทั้งก้อน ซึ่งวิธีนี้เสี่ยง มีโอกาสปั้นราคาได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของ 3 บริษัท ที่กรมการข้าวไปสืบราคามา มีปัญหาร้ายแรง ตรงที่ทั้ง 3 บริษัท มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่กลับเสนอตัวเองทำโครงการเกือบ 500 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำที่สุดมีรายได้แค่ 2,600,000 บาท ในปี 2565 เท่านั้น กรมการข้าวใช้ดุลพินิจแบบไหน เลือกไปสอบถามบริษัทนี้ตั้งแต่แรก รวมถึงพฤติกรรมน่ากลัวกว่านั้นคือ ใบเสนอราคาของทั้ง 3 บริษัท หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แปลว่ามีโอกาสที่จะมีการปั้นราคาหรือไม่อย่างไร

นายศุภณัฐ ได้แสดงเอกสารประกอบการอภิปราย ในส่วนโครงการของกรมชลประทาน เช่น งานดินขุด ดินถม งานบดอัดโดยใช้แรงคน เฉพาะค่าแรงมีสัดส่วนกว่า 30 % โครงการซ่อมแซมคลองส่งน้ำ สาย 1R -1L-RMC กทม.0+000 ความยาว 5.200 กม.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว งบรวม 15 ล้านบาท ซึ่งค่าแรงโครงการก็ปาไปแล้ว 4.6 ล้านบาท

ถ้าสังเกตเรตการใช้แรงงานคนงาน จะมีอัตราเรตต่อหน่วย แพงกว่าการใช้เครื่องจักร 10 เท่า นี่คือส่วนต่าง และต้องบอกว่าส่วนต่างมหาศาลนี้ ในการใช้แรงงานคน แทนการใช้เครื่องจักร คือส่วนต่างที่เกิดการทุจริต

นายศุภณัฐ กล่าวอีกว่า ที่หนักกว่าคือไม่ได้จ้างคนจริงๆ ในทางปฏิบัติ คือไปเรี่ยไรเอาบัตรประชาชนของพี่น้องแรงงานมา แล้วจ่ายเงินนิดหน่อย ส่วนที่เหลือ พูดง่ายๆ คือนำบัตรมาเซ็นรับเงิน พอรับเงินเสร็จแล้ว ก็เอาไปจ้างให้ผู้รับเหมามาใช้เครื่องจักรทำงานจริง พอค่าแรงส่วนต่างมันต่างกัน10 เท่า ระหว่างการใช้คนกับเครื่องจักร

นี่ก็เป็นส่วนต่างที่เป็นช่องทางคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่ ตนไม่ได้บอกว่าทุกโครงการที่ใช้เป็นแรงงานคนต้องมีการทุจริต และไม่ได้บอกว่าโครงการที่ตนเอามาโชว์ตรงนี้ทุจริต แต่คอนเซปต์ที่ใช้อยู่ เป็นสารตั้งต้นทำให้เกิดการทุจริต ตนจึงขอปรับลดงบประมาณลง 5 %

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน