กมธ.รุมซักเดือด ขนส่ง แจง พบถังก๊าซต่อเติมท่อหลุด ทำก๊าซรั่ว ต้นตอบัสมรณะ เผย ยางไม่แตก แต่เพลาล้อหน้าหักครูดถนน ด้าน อธิบดี รับ มีอีกคันติดตั้งแบบเดียวกัน

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ. มีวาระสำคัญการหารือกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน โรงเรียน จ.อุทัยธานี โดยกมธ.เชิญนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะ มาชี้แจงถึงสาเหตุ รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต

โดยนายจิรุตม์ กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์ข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุตนได้ลงพื้นที่ไปหลังจากเพลิงสงบแล้ว และได้นำวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตัวรถ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.

ด้าน นายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการ (ผอ.) สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กล่าวว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิด-ปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ

นอกจากนี้ พบว่าล้อรถไม่ได้ระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ทั้งนี้ อยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับกองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันวิเคราะห์สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงให้ทราบต่อไป

นายจิรุตม์ เปิดเผยด้วยว่า กระทรวงคมนาคมมี 5 ข้อสั่งการ ได้แก่ 1.สั่งการให้เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG มาตรวจสภาพภายใน 60 วัน จำนวน 13,426 คัน

2.ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ ซึ่งมีความหละหลวมมากกว่ารถโดยสารประจำทาง 3.ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือกรณีมีความจำเป็นต้องใช้รถนำนักเรียนหรือผู้สูงอายุนอกพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง

4.ออกกฎหมายเพิ่มเติมเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้มีพนักงานประจำรถ ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเผชิญเหตุ และการช่วยเหลือผู้โดยสารในเหตุการณ์วิกฤต 5.ออกกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเหมือนบนสายการบิน

จากนั้น กมธ.มีการตั้งคำถาม โดยนายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย และนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถ ที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน

การตรวจสภาพรถเป็นการตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา รวมถึงการจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ได้มีการดัดแปลงสภาพไปมากเพียงใด

“ปี 2513 ผมยังไม่เกิดเลย มีอะไรคงเดิมบ้างในรถคันนี้ และเราต้องนับอายุของรถจากเวลาใดกันแน่” นายพีระเดช กล่าว

ขณะที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก ยืนยันว่ามีการติดตั้งถังก๊าซเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้ 5 ถัง จากที่จดทะเบียนไว้ 6 ถัง รวมเป็น 11 ถัง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการของกรมขนส่งฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อดูว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

จากนั้น (ผอ.) สำนักวิศวกรรมยานยนต์ อธิบายเหตุการณ์และข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถคันที่ประสบเหตุ ถังที่รั่วไหลเป็นถังหมายเลข 8 ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการตรวจสอบของวิศวกร ถังที่ได้รับการตรวจสอบ มีเพียงถังที่ 1-6 ซึ่งหมายเลข 8 เป็นถังที่อยู่นอกระบบ ซึ่งต้องเป็นการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจต่อไป

ในส่วนของผู้ประกอบการบริษัทชินบุตร พบว่าใบผู้ประกอบการขนส่ง มีรถในกำกับดูแล 2 คัน หนึ่งในนั้นคือคันที่ประสบอุบัติเหตุ เบื้องต้นทางกรมการขนส่งได้ระงับใบประกอบอนุญาต เพราะรถอีกคันก็ไม่สามารถใช้งานได้ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะมีลักษณะรถที่ใกล้เคียงกัน โดยขนส่งจังหวัดได้ออกคำสั่งให้เอารถมาตรวจ ที่จ.ลพบุรี เพราะมีเครื่องมือที่พร้อมกว่า คาดว่าน่าจะนำเข้ามาตรวจเวลาประมาณ 14.00-15.00 น.

ด้าน อธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวเสริมว่า คนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องถังก๊าซเกินจำนวน ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ เบื้องต้นได้มีการพักใช้ใบอนุญาตจนกว่าผลสอบสวนจะออก 2.คนขับรถ ให้พักใบอนุญาตจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ ถ้ามีความผิดก็เพิกถอนใบอนุญาต 3.วิศวกรผู้ตรวจสอบถังแก๊ส ระงับการดำเนินการทั้งหมด

4.บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) กรมได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และดึงตัวเข้ามาทำงานที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งผิดหรือไม่ผิดก็ต้องมาดูกัน โดยในบริษัทชินบุตร ทราบว่าเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันกับผู้ประกอบการ ก็ได้มีการเพิกถอนระงับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัยแล้ว เพราะมีความบกพร่องในหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดเหตุได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบว่ามีความผิดในเรื่องของคำสั่งปกครองก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในคดีอาญาก็ดำเนินการไป ถ้าเจ้าหน้าที่มีความผิด กรมก็ดำเนินการทางวินัยต่อไป ส่วนของเอกชนก็จะต้องโดนทั้งแพ่งทางอาญา ส่วนโทษทางปกครอง คือ ต้องถอนใบอนุญาตประกอบการ ถอนใบอนุญาตขับรถ ถอนใบรับรองการติดตั้งก๊าซ ถอนการเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัย

ช่วงหนึ่ง นายพีระเดช ทักท้วงว่า สิ่งที่ถามไปยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ถามว่ารถคันนี้จดทะเบียน 2 ครั้ง ต้องเริ่มนับตั้งแต่ปีไหน

โดย ผอ.สำนักวิศวกรรมยานยนต์ ชี้แจงว่า รถจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างยาวนาน ด้วยหลักเกณฑ์ที่รถยังสามารถใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ 54 ปีนั้น เพราะในระหว่างนี้ได้มีการจดทะเบียนเป็นรถประเภทอื่นๆ ไว้

และเมื่อมีการดัดแปลงคลัสซี ถือเป็นตัวหลักของรถ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของคน เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ตัวถังผุกร่อนไม่สามารถใช้งานได้ เจ้าของก็จะไปแจ้งเปลี่ยนแปลง โดยนำรถคันดังกล่าวไปที่อู่ต่อรถหรืออู่ปรับปรุงรถ สิ่งที่ยังคงอยู่คือโครงคลัสซีรถ และนำเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าใส่เข้าไป เปลี่ยนตัวถัง เปลี่ยนเก้าอี้ และติดตั้งอุปกรณ์ปรับอากาศ

หากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว เจ้าของรถก็จะให้วิศวกรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง เพื่อจะนำมาตรวจสภาพ และจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ ส่วนประตูฉุกเฉินมีการให้ตรวจรถสาธารณะปีละ 2 ครั้ง

นายชัชวาล กล่าวท้วงอีกว่า อธิบดีและคณะยังตอบคำถามไม่ครบ พร้อมเน้นย้ำคำถามเรื่องการตรวจทิพย์ว่าได้ตรวจจริงหรือไม่ ตำแหน่งที่ติดถังก๊าซก็อยู่ในห้องโดยสารที่มีแค่ผนังกั้นไว้ พอก๊าซรั่วก็จะลอยขึ้นสูง ได้มาตรฐานหรือไม่ และรถลักษณะนี้ในบริษัทมีอีกกี่คัน

โดย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ตอบคำถามว่า เรื่องการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซ ตนสามารถยืนยันโดยระบบได้ แต่ยืนยันในตัวบุคคลไม่ได้ เพราะก็เพิ่งต้องโทษสั่งย้ายไป 2 คน และยืนยันว่าหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และนอกจากรถคันที่เกิดเหตุแล้ว ก็มีอีก 1 คันที่มีการติดตั้งถังก๊าซแบบเดียวกันนี้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุม กมธ.ได้รุมซักถามอธิบดีและคณะ โดยเฉพาะนายชัชวาลและนายพีระเดช จนนายครูมานิตย์ได้พยายามรวบรัดการซักถามของ กมธ. ที่หากลงรายละเอียดมากไป อาจจะไม่สะดวกสำหรับกรมการขนส่งที่มาตอบทั้งหมด พร้อมเสนอให้รอการชี้แจงของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ

ขณะที่ นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ. ได้ช่วยกรมการขนส่งทางบกชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพรถ โดยอ้างว่าตนเองเคยนำรถไปซ่อมกับญาติหลายครั้ง จึงพอมีประสบการณ์

“จากที่เห็นเป็นถังก๊าซ CNG ขนาดใหญ่ ต่อให้บรรจุก๊าซเต็ม โยนลงกองไฟ ยังไม่ระเบิดเลย ถ้าไม่มีก๊าซรั่ว แต่ในส่วนที่เกิดประกายไฟขึ้นมาไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหน แต่ก๊าซ CNG มีลักษณะติดไฟยาก” นายเชิงชาย กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน