จุรินทร์ ห่วง นิรโทษกรรมเหมาเข่ง ไม่ปรองดอง บอกแค่นับหนึ่งก็แยกแตกแล้ว เตือนเพื่อไทย จับมือ ปชน.ได้ไม่คุ้มเสีย อนาคตพรรคร่วมรบ.จะทำงานกันอย่างไร
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม 4 ฉบับที่บรรจุอยู่ในวาระสภาผู้แทนราษฎร และรอการนำขึ้นมาพิจารณาว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การกระทำความผิดตาม มาตรา 110 และมาตรา 112
ส่วนที่บางพรรคบอกว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง โดยรวมมาตรา 112 ด้วยจะเป็นการปกป้องสถาบันนั้น ตนมองว่ามันจะเกิดสิ่งตรงข้ามมากกว่า และอาจเป็นแรงจูงใจในอนาคตให้มีการละเมิด มาตรา 110 และมาตรา 112 มากขึ้น เพราะเห็นว่าเมื่อละเมิดแล้ว ก็สามารถนิรโทษกรรมได้ และที่บอกว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง ตนเห็นว่านับหนึ่งก็แตกแยกแล้ว
ส่วนกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุว่าต่อไปจะเป็นคิวของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4 ฉบับนั้น โอกาสที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งยังมีอยู่ใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังมีโอกาสอยู่ เพราะมีบางร่างที่เสนอเข้าไปค้างอยู่ในวาระประชุมสภาฯ แต่อยู่ที่มติสภาฯ ส่วนจะพิจารณาแบบแยกฉบับ หรือพิจารณาพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับวิปที่จะต้องหารือกัน ถ้าวิปเห็นพ้องกันว่าให้พิจารณาก็ต้องหยิบขึ้นมาพิจารณา
“หลักพิจารณาของผมมีอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องมาตรา 110 มาตรา112 ทุจริตคอร์รัปชั่น อาญาร้ายแรง ผมและพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เห็นด้วย ยกเว้นนิรโทษกรรมอันเกิดจากการกระทำความผิดจากแรงจูงใจทางการเมืองทั่วไป เช่นการชุมนุมทางการเมือง การผิด พ.ร.บ.จราจร หรือคำสั่งต่างๆ และถ้าสังคมเห็นพ้อง ผมก็ไม่ขัดข้อง” นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนที่ห่วงว่าอาจเกิดกรณี 143 เสียงของพรรคประชาชน รวมกับ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย ร่วมกันยกมือให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถ้ารวมกันก็ชนะ เพราะเสียงเกินครึ่ง และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายมีความกังวล แต่หลักๆ ทางการเมือง ตนมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการที่เป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลแล้วไปจับมือกับฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไร และจะทำงานร่วมกันอย่างไรในอนาคต ที่สำคัญความรู้สึกของประชาชนจะคิดอย่างไรด้วย