“ณัฐวุฒิ” แปลงโฉมเป็นคนจรจัด ไร้ที่พึ่ง บุก ป.ป.ช.ทวงถามความคืบหน้ารื้อคดีสลายชุมนุมเสื้อแดง โวยจะให้แบกความอยุติธรรมไปอีกกี่ปี ยันเดินหน้าทวงความยุติธรรมต่อไป เล็งเอาผิด ปปช.หากละเว้นปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.พร้อมด้วยนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ และนายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิก เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 ซึ่งวันนี้ครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่มีประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตถึง 99 ศพ ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิพร้อมแกนนำ นปช.ต่างแต่งกายด้วยชุดคนจรจัด ไร้ที่พึ่ง โดยนายณัฐวุฒิได้แบกป้ายระบุข้อความ “อยุติธรรม” ไว้บนบ่าด้วย ขณะที่แกนนำคนอื่นๆ ชูป้ายพร้อมข้อความ “มนุษย์จะยากดีมีจนทุกคนต้องได้รับความยุติธรรม” “คดีเสื้อเหลืองแก๊สน้ำตาจ้างทนายฟ้องเอง คดีเสื้อแดงใช้กระสุนจริงยกคำร้อง” และ “หมาจรจัด เสือดำ หมีควายถูกฆ่าตายยังได้รับความยุติธรรม แต่เราเป็นคน”
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายณัฐวุฒิพร้อมแกนนำให้เข้าไปยื่นหนังสือ แต่ไม่อนุญาตให้นำป้ายข้อความทั้งหมดเข้าไปภายในสำนักงาน ป.ป.ช. ด้านนายณัฐวุฒิได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้นำหนังสืออะไรมายื่นแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ได้มายื่นหนังสือที่ ป.ป.ช.หลายครั้ง แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า มาวันนี้เพื่อทวงถามว่าหนังสือทุกฉบับ ทุกข้อเรียกร้องที่ส่งมาก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีแนวทางหรือจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ทางเจ้าหน้าที่จึงขอให้นายณัฐวุฒิพร้อมแกนนำเข้าไปนั่งรอในห้องรับรอง เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เจ้าของสำนวนได้มาชี้แจง
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่แกนนำ นปช.มาที่ ป.ป.ช.ในวันนี้ ยืนยันว่าเราเคารพกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาท้าทายผู้มีอำนาจหรือต้องการสร้างความเสียหายให้กับ ป.ป.ช.แต่อย่างใด แต่วันนี้ครบรอบ 8 ปีที่นปช.ถูกสลายชุมนุมด้วยอาวุธจนมีเจ้าหน้าที่และประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก เมื่อคดีทุกอย่างมารวมศูนย์อยู่ที่ ป.ป.ช.จนถึงตอนนี้เรากลับยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ แม้แต่การร้องขอสำนวนการไต่สวนยกคำร้องนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ เพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานการใช้ดุลยพินิจกับคำฟ้องนายสมชายและพล.อ.ชวลิตในเหตุการณ์ปี 2551 ก็ยังไม่ได้ ทั้งนี้ ปี 51 มีการใช้แก๊สน้ำตาแต่ ป.ป.ช.จ้างทนายฟ้องเองทั้งที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ปี 53 มีการใช้อาวุธสงคราม ใช้กระสุนจริง มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ ป.ป.ช.ไต่สวนและยกคำร้อง ไม่ส่งต่อเรื่องให้อัยการ อยากถามถึงมาตรฐานของ ป.ป.ช.ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร มีมาตรฐานเดียวหรือสองมาตรฐาน ส่วนที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ กระทั่ง ป.ป.ช.มีมติยื่นอุทธรณ์ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้วเพียงคนเดียวนั้น แล้วทีกับ นปช.กลับไม่ทีท่าทีหรือส่งสัญญาณใดๆ ในประเด็นที่เราเรียกร้องเลย พวกตนแบกความอยุติธรรมมา 8 ปีแล้ว จะต้องให้แบกไปถึงเมื่อไร คนที่มาชุมนุมต่างเป็นชาวไร่ชาวนา จะยากดีมีจนอย่างไรก็ต้องได้รับความยุติธรรม ดังนั้นยืนยันว่าจะสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป คนตายเกือบร้อยแต่คดีไม่ถึงศาล จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
เมื่อเวลา 10.15 น. นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ว่า รู้สึกเสียใจและเจ็บปวด เพราะสิ่งที่ตนเพียรถามมาตลอดกลับไม่มีความคืบหน้าเลย เจ้าหน้าที่ระบุว่าเรื่องทุกอย่างอยู่ระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยสำนักไต่สวนคดีทุจริตการเมือง 1 ได้ทำความเห็นขึ้นไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่กลับตอบไม่ได้ว่าวินาทีที่เราคุยกันตอนนี้ ทั้งกรณีที่ขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาคดี นปช.ใหม่ตามกรอบของกฎหมายที่เปิดช่องให้ และกรณีที่ขอสำนวนไต่สวนยกคำร้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้น ทั้งสองเรื่องอยู่ในขั้นตอนไหน อยู่ที่โต๊ะใคร ตนจึงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่า ในฐานะที่ตนเคยบริหารหน่วยงานราชการ เคยอยู่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งขั้นตอนระบบเอกสารทางราชการนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะแสวงหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามประชาชน สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน อ้างว่าเป็นเรื่องภายใน ทั้งนี้ เมื่อเทียบเคียงกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว ถามว่าทำไมของกลุ่ม นปช.ถึงช้า ไม่มีความคืบหน้า กลุ่มหนึ่งนับหนึ่งถึงสิบเร็วมาก แต่อีกกลุ่มนับหนึ่งไปแล้วแต่ไม่รู้ว่านับอยู่ที่เท่าไร เราไม่เคยได้รับทราบความคืบหน้า แล้วก็ไม่รู้ว่าคืบหน้าจริงหรือไม่
“ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เปิดประตูให้พูดคุย แต่สาระที่ได้มีแต่ความเจ็บปวด เพราะผมมาเท่าไรก็ไกลเท่าเดิม เดินมากแค่ไหนระยะทางก็ไม่เคยใกล้ความจริงหรือความยุติธรรมได้เลย แต่ยืนยันว่าจะไม่หยุดเดินเพราะเป็นหน้าที่ของพวกผมที่จะต้องติดตามทวงถามความยุติธรรมให้ได้ กรรมการ ป.ป.ช.อาจจะคุ้นชินกับการหยิบยื่นความยุติธรรมให้ฝ่ายต่างๆ แต่ท่านอาจไม่รู้ว่าคนที่ต้องไขว่คว้าตามหาความยุติธรรมนั้นต้องเจ็บปวดแค่ไหน ตอบตัวเองก็ไม่ได้ ตอบพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมาก็ไม่ได้ ผมได้ฝากข้อความไปถึงประธาน ป.ป.ช.ว่ายังคงติดตามความคืบหน้าต่อไป จะพยายามทุกวิถีทางตามกรอบของกฎหมายให้เรื่องนี้เดินหน้าให้ได้ แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วหากเราเห็นว่านี่คือการปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คำตอบก็มีตามกฎหมาย พวกตนจะดำเนินการทุกวิถีทางตามที่กฎหมายมีให้ ที่เคยประกาศว่าจะรวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา และส่งต่อให้ประธานศาลฎีกาให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะดำเนินการแต่จะรอให้มีสภาฯ มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งแนวทางอื่นๆ ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป” นายณัฐวุฒิ กล่าว