‘นายกฯ อิ๊งค์’ เปิดหลักสูตร ‘วปอ. 67’ เน้นย้ำรับมือการเปลี่ยนแปลงโลก รัฐบาลมุ่งสร้าง เศรษฐกิจดิจิทัล ดันไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ฝาก นศ.วปอ. เตรียมพร้อมพัฒนาประเทศ ใช้ Networking ช่วยสังคม
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 พร้อมบรรยายเรื่อง “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ที่ อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ
โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และ พลเอก มนัส จันทร์ดี เสนาธิการทหาร และตัวแทนเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธี โดยมี พลเอก พงศ์เทพ แก้วไชโย ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผบ.สปท.) และ พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผอ.วปอ. ให้การต้อนรับ
นายกฯ กล่าวเปิดหลักสูตรวปอ.ตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีโอกาสมาพบทุกท่านและได้มีโอกาสมากล่าวบนเวทีนี้ อย่างที่ทุกคนทราบ โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ และที่สำคัญเทคโนโลยี AI ต่างๆ เข้ามามีบทบาท และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โลกวันนี้กับ 20 ปีที่แล้วเป็นคนละใบ
หลังจากนี้การเปลี่ยนแปลงจะยิ่งเร็วขึ้น เราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความขัดแย้งทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมที่จะรุนแรงยิ่งขึ้น ชัดเจนว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงมากยิ่งขึ้นและปัญหาทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุกระดับ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เราเตรียมรับมือกับปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ดิฉันได้มีโอกาสไปพบกับผู้นำหลายประเทศได้พูดคุยกันเห็นปัญหาที่เจอคล้ายกัน ฉะนั้นความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทุกประเทศยินดีช่วยเหลือกัน เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหานี้ แน่นอนว่าวันนี้ที่ทุกท่านเข้ามาเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกท่านจะได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งหลายหน่วยงานที่มาเจอกันมาเรียนด้วยกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เพราะตัวดิฉันเองก่อนหน้านี้ทำงานอยู่เอกชนก็รู้เลยว่าตัวเองเอกชน ก็ต้องพึ่งพารัฐบาล และปัจจุบันมาเป็น รัฐบาลก็มั่นใจว่าเราจะทำนโยบายหลายอย่างสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีเอกชน ให้การสนับสนุนเพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนมีส่วนมีความสำคัญและทุกท่านในที่นี้ก็ ต้องเป็นคนสำคัญ
เมื่อได้รับโอกาส มาเรียน วปอ.ก็คงได้รับความรู้เพื่อ นำไป วางแผนหรือนำองค์ความรู้ ไป พัฒนาในองค์กรของท่าน
“หลักสูตร วปอ. นี้ ดิฉันคิดว่าเป็นหลักสูตรที่ให้องค์ความรู้ด้านความมั่นคงหลายๆ ด้าน มีการถกแถลง เพื่อให้ทุกคนร่วมคิด ร่วมทำทุกครั้งที่มีการจับกลุ่มกัน ก็อยากจะขอให้ทุกคนช่วยกันเข้างานกลุ่มเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และวันนี้ขอมาแชร์ในเรื่องที่รัฐบาลได้ ทำอยู่ และ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเรียน วปอ. และ หลังการเรียนจบออกไปก็ยังคบหากันอยู่ ใช้Networking พร้อมทำประโยชน์ให้สังคมต่อไป อยากเล่าถึง ตอนที่ดิฉันเข้ามาเรียน วปอ.บอรู้สึกว่าข้าราชการทุกท่านมีความเป๊ะมากได้รู้จักในมุมใหม่ๆ
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สำหรับประเทศไทยเองรัฐบาลก็ได้ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อที่จะรองรับภัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นคงอย่าง เช่น ประเด็นความขัดแย้งในสหรัฐอเมริกากับจีนที่จะส่งผลกระทบในหลายมิติทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ และเรื่องของการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งหลายท่านอาจจะคิดว่าจีนจะเอาสินค้าเข้ามาขายทำให้คนไทยไม่มีที่ยืน ไม่มีตลาด แต่ว่าความจริงแล้ว จีนเองก็ยังต้องการสินค้าเกษตรจากประเทศไทยอย่างมาก
ฉะนั้น เรายังมีทางออกซึ่งรัฐบาลพร้อมพัฒนาในเรื่องของเกษตรให้แข็งแรงพร้อมที่จะนำสินค้าเกษตร ส่งออกให้กับจีน ด้านทางออกของเศรษฐกิจไทยเคยได้ไปพูดคุยกับกระทรวงการคลังและหลายประเทศเพื่อนบ้านว่าความจริงแล้วการปรับโครงสร้างหนี้หรือช่วยในเรื่องของหนี้ ก็ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
แต่สิ่งสำคัญ คือ การหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ รัฐบาลจึงสนับสนุนในเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์เกิดการจ้างงานและสร้างอาชีพใหม่ๆ เพื่อให้เราหลุดกับดักรายปานกลางเป็นสู่รายได้สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และอีกอย่างที่รัฐบาลจะผลักดันต่อคือการเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เป็น 30% ของจีดีพีในปี 2573