ทนายตั้ม งานเข้าอีก! กกต.สมุทรสาคร บุกเรือนจำ เร่งสอบปมไม่มีคุณสมบัติสมัคร สว. ชี้ ถ้าผิดจริง โทษหนัก คุก 1-10 ปี ตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 นายพงษ์พัชน์ สายช่างทอง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรสาคร (กกต.สมุทรสาคร) กล่าวถึงกรณี กกต.สมุทรสาคร จะเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 17 ประชาสังคม เนื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี

โดยนายพงษ์พัชน์ กล่าวว่า วันนี้ประธานอนุกรรมการไต่สวน ที่สำนักงานกกต.ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งขึ้น จะเข้าไปสอบปากคำนายษิทรา ในฐานะที่เคยเป็นผู้สมัคร สว.สมุทรสาคร และถูกร้องเรียน

เมื่อถามว่านายษิทราเป็น สว.สำรองอันดับ 4 เหตุใดจึงต้องมาสอบปากคำช่วงที่ถูกคุมขังในเรือนจำ นายพงษ์พัชน์ กล่าวว่า มีคนร้อง และถ้าไม่สอบช่วงนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกมาเมื่อไหร่ และจากที่ดูข่าว นายษิทราบอกว่าจะไม่ประกันตัว หากรอไปจะเกินกรอบเวลาที่ระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนสืบสวน กำหนดไว้ว่าต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด และกกต.ต้องขอขยายระยะเวลาไปเรื่อยๆ ก็ไม่ถูกต้อง

นายพงษ์พัชน์ กล่าวว่า ก่อนที่นายษิทราจะถูกคุมขัง กกต.สมุทรสาครเคยนัดหมายกับนายษิทราแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อมาก็ขอเลื่อน แล้วไม่กี่วันจากนั้นเขาก็ถูกจับกุมตัว

“เราเคยไปสอบเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กกต.ใหญ่มีมติให้สอบเพิ่มเติม จึงต้องมีการสอบปากคำอีกครั้งตามมติ กกต. ซึ่งทางกกต.สมุทรสาครมีหนังสือแจ้งไปยังนายษิทราและมีการนัดหมายกัน แต่ต่อมาเขาก็มีหนังสือมาขอเลื่อน” นายพงษ์พัชน์ กล่าว

นายพงษ์พัชน์ กล่าวอีกว่า ในการสอบสวนเรื่องนี้ กกต.สมุทรสาครได้มีการขยายระยะเวลามานานแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกจากเรือนจำเมื่อใด ซึ่งกกต.ก็ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงอย่างเต็มที่เพื่อความเป็นธรรม วันนี้จึงต้องขอเข้าไปสอบปากคำในเรือนจำ แต่หากทนายตั้มไม่สะดวกก็แล้วแต่เขา เพราะอาจจะลำบาก เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกคุมขัง

“ถ้านายษิทราปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดตามที่มีผู้ร้องเรียน หรือปฏิเสธไม่ให้ปากคำ ก็เป็นสิทธิของเขา เราก็จะสรุปข้อมูลและข้อเท็จจริงตามนั้นไป และส่งไปกกต.กลาง เพราะเราก็ทำเต็มที่ของเราแล้ว” นายพงษ์พัชน์ กล่าว

นายพงษ์พัชน์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนภายหลังสอบปากคำนายษิทราแล้ว คณะอนุกรรมการฯ จะมีการทำความเห็นและสรุปเสนอมายังตน เพื่อส่งมายัง กกต.กลาง เพื่อประชุมและมีมติต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก กกต.มีมติว่า นายษิทราขาดคุณสมบัติในการลงสมัครจากเหตุดังกล่าว นายษิทราจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 74 ที่กำหนดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใดได้สมัครรับเลือก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน