ทอ. เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กองทัพอากาศและอวกาศ’ แก้ พ.ร.บ.กลาโหม – ออกกฎหมายใหม่ ตั้ง กอ.รมน.อากาศ ยึดโมเดล ศรชล. เสร็จปี 2571
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ แถลงภายหลังประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงการปรับโครงสร้างกองทัพอากาศว่า ตามที่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้สั่งการ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ถึงแนวนโยบายปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางอวกาศกว่า 29,000 ล้านบาทต่อปี ที่มีการสื่อสารและถ่ายทอดสัญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 35,600 กิจการ มีการจ้างงาน 1.6 ล้านคน
โดยกองทัพอากาศ เตรียมจัดตั้ง ศูนย์ประสานงานการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ ให้เป็นหน่วยขึ้นตรงของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ (ศปก.ทอ.) ซึ่งอยู่ในอำนาจของ ผบ.ทอ. ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2568 โดยมีเสนาธิการทหารอากาศ เป็นผู้กำกับดูแล เพื่อให้เป็นหน่วยประสานงานทั้งภายในและนอกกองทัพอากาศ
สำหรับศูนย์ดังกล่าว ไม่ได้มีการเพิ่มอัตราหรือเงินเดือนเพิ่ม แต่ใช้กำลังพลจากศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศกองทัพอากาศ (ศปอว.ทอ.) สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกองทัพอากาศ (สง.ปรมน.ทอ.) และหน่วยเกี่ยวข้อง หมุนเวียนปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ประสานงานฯ แห่งนี้
สำหรับการปรับโครงสร้างที่ต้องทำควบคู่ในปี 2568 ได้แก่ 1.จัดทำร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่..) พ.ศ. เพื่อเปลี่ยนชื่อ กองทัพอากาศ เป็น ‘กองทัพอากาศและอวกาศ’ โดยเมื่อสภากลาโหมเห็นชอบแล้ว จะนำร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
กองทัพอากาศ พิจารณาจัดทำร่าง พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ เพื่อจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ แบบ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ของกองทัพเรือ เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่น
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2568 เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ และการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ภายในปี 2569 จากนั้นเป็นขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลา 3 ปี หรือประมาณปี 2571