กมธ.พัฒนาการเมือง ถก กกต. ชงเปลี่ยนวันเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ เป็นวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.68 แนะ แก้กฎหมายท้องถิ่น ล็อกวาระ กันนายกอบจ.เลือกใหม่ อยู่ได้ปีเดียว
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 28 พ.ย. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าหารือกับเลขาธิการ กกต.ว่า ประเด็นหลักที่พูดคุยกันในวันนี้ คือ การเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งแยกออกมา 2 ประเด็น
ประเด็นแรกเป็นเรื่องเฉพาะหน้า และประเด็นที่สองการแก้ไขหรือปรับปรุงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อให้มีกติกาที่มีประสิทธิภาพ และเปิดกว้างการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น ซึ่งประเด็นแรกเป็นเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ.ที่จะหมดวาระ ซึ่งกกต.ได้กำหนดเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68
โดยก่อนหน้านี้ตนเคยตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องเลือกตั้งวันเสาร์ เพราะเห็นว่าถ้ายึดเอาประโยชน์ของประชาชนวันอาทิตย์น่าจะสะดวกกว่า เพราะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีทั้งพนักงานในโรงงานที่มีแนวโน้มจะทำงานวันเสาร์มากกว่าวันอาทิตย์ รวมถึงบางคนอาจจะทำงานในต่างจังหวัด และต้องการเวลาในวันเสาร์เพื่อเดินทางกลับมาใช้สิทธิ์ อีกทั้งเมื่อย้อนกลับไปดูทุกการเลือกตั้ง จะเห็นว่า กกต.กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ทั้งนั้น
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทาง กกต.ได้ให้คำตอบว่า ที่เลือกวันเสาร์นั้น เพราะกลัวเสี่ยงต่อข้อกฎหมายกรอบเวลา 45 วัน ที่วันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. ครบกรอบ 45 วันพอดี ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะกฎหมายกำหนดกรอบ 45 วัน นั่นก็คือสามารถจัดวันที่ 45 ได้ คือ วันที่ 2 ก.พ.
แต่เพื่อจะช่วยกกต.ให้คลายข้อกังวล เราได้ออกหนังสือถามความเห็นเชิงกฎหมายไปยังสำนักกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้คำตอบว่า สามารถจัดได้ วันนี้เราจึงมาเสนอให้เลขาธิการกกต.ได้นำเรื่องดังกล่าวนี้ไปทบทวนเรื่องของวันเลือกตั้ง อบจ.
ส่วนเรื่องของแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่ทางกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ทำมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้จึงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นกับ กกต. โดยมี 2 ประเด็นที่เราแลกเปลี่ยนกัน คือ ประเด็นที่ 1 เรื่องปัญหาที่ผู้บริหารท้องถิ่นได้ลาออกก่อนหมดวาระ จึงทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นในจังหวัดหนึ่งๆ ต้องเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง
ซึ่งกกต.บอกว่า ต้องใช้งบประมาณมาก และผู้มาใช้สิทธิ์ก็ลดลง เราจึงเสนอไปว่า ถ้าอยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นพร้อมๆ กัน มีแนวทาง คือ ให้กำหนดวาระที่ล็อกไว้เลย เช่น เมื่อได้รับเลือกมาเป็นนายก อบจ. วาระ 4 ปี ผ่านไป 3 ปีแล้วมีการลาออกก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่คนใหม่ที่ได้รับเลือกมาก็จะมีวาระงานเพียง 1 ปีที่เหลือ
หรือถ้าไม่อยากให้มีการเลือกตั้งระหว่างวาระก็ให้ระบุไว้เลยว่า ใครคือรองนายก อบจ. คนที่ 1 หรือ 2 ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่แทน หากนายก อบจ.ออกจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะกรณี ลาออก เสียชีวิต หรือให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นได้เกิดขึ้นพร้อมกัน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ และกกต.เองก็จะช่วยประหยัดงบประมาณบางส่วน
ประเด็นที่ 2 การขยายสิทธิ์ให้ประชาชนในการเลือกตั้ง เช่น สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในและนอกเขต นอกราชอาณาจักรที่อาจจะพิจารณาให้มีการเลือกทางไปรษณีย์
เมื่อถามว่าการกำหนดวันที่ต้องไปทบทวนใหม่นั้น ต้องให้กกต.ใช้เวลาเท่าไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้กรอบเวลายังทันอยู่ ตราบใดที่วาระของ อบจ.ยังไม่หมด ซึ่งจะหมดลงวันที่ 19 ธ.ค.67 เราได้เสนอไปว่า ถ้าทาง กกต.พอใจแล้วกับคำตอบของสำนักงานกฎหมาย สภาฯ ก็สามารถทบทวนได้เลย
แต่ถ้าต้องการความเห็นเพิ่มเติมให้ทำเรื่องสอบถามไปยังกฤษฎีกา ทำเช่นนี้จะทำให้ทาง กกต.สะดวกและสบายใจมากขึ้น ในการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 2 ก.พ.68
เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วถ้ายังใช้วันที่ 1 ก.พ.เลือกตั้งอยู่ จะมีผลกระทบอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ก็เชื่อว่าอาจจะกระทบกับประชาชนบางกลุ่มที่จะต้องมาใช้สิทธิ์ในวันเสาร์ แต่ท้ายที่สุดก็เป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะหาทางออกให้กับคนกลุ่มนั้น เพื่อรักษาสิทธิ์ของเขาไว้ ส่วนในนามพรรคประชาชน ในฐานะผู้สมัครพรรคหนึ่ง เราคงต้องพร้อมแข่งขันกับทุกกติกา พรรคเราจะทำอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเปิดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต นอกราชอาณาจักรได้ คนอาจจะมองว่าเป็นการแก้กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้พรรคประชาชนเอง เพราะพรรคได้ย้ำว่าปัจจัยในการเลือกตั้ง คือ คนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขต นอกราชอาณาจักร นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะกมธ.พัฒนาการเมืองฯ เราให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน
เราไม่ได้เจาะจงแค่การเลือกตั้งล่วงหน้า แต่เรามองถึงทุกความเป็นไปได้พยายามให้ประชาชนมีความสะดวกในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ดังนั้น เราไม่ได้กังวลถึงการจะมองแบบนั้น ส่วนในนามพรรคประชาชนก็ขอว่า อย่าไปคิดแทนประชาชนว่า ผู้ที่เลือกตั้งล่วงหน้าเขาจะเลือกผู้สมัครคนไหน