20 สส.ก๊วนธรรมนัส พ้น พปชร.แล้ว ‘อรรถกร’ เผยชื่นมื่น จากกันด้วยดี บอกขอเวลาหารือ ‘กล้าธรรม’ ย้ายสังกัด รับ คุ้นเคย ‘นฤมล’ ระบุยังเคารพ ‘ลุงป้อม’
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 12 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา กลุ่ม 20 สส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา นำโดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคพลังประชารัฐว่า ที่ประชุมมีมติขับกลุ่มของตนพ้นพรรค
บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปได้ด้วยดี เหตุผลของการขับออกจากพรรค ยกระเบียบข้อบังคับพรรคที่ 54 (5) หมายความว่าอุดมการณ์ของพวกตนไม่ตรงกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ไม่มีการผิดจริยธรรมหรือวินัยร้ายแรงใดๆ
นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ส่วนอนาคตต่อไปของกลุ่ม 20 สส.นั้นจะเป็นอย่างไร เนื่องจากเราเพิ่งถูกขับออก คงต้องใช้เวลาอีกสักครู่เพื่อจับเข่าคุยกันว่าเราจะเลือกเดินทางการเมืองอย่างไร แต่เชื่อว่า 20 เสียงของเรา จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองกี่วัน จึงจะย้ายพรรคได้ นายอรรถกร กล่าวว่า ตามกฎหมายเรามีเวลา 30 วัน เพื่อสังกัดพรรคใหม่
เมื่อถามย้ำว่าจะเปิดตัวพรรคใหม่เมื่อไหร่ เพราะมีกระแสว่าจะย้ายไปพรรคกล้าธรรม นายอรรถกร กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เพราะตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคกล้าธรรม แต่ทราบว่านางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ก็มีความพร้อม และขณะนี้มี สส.สังกัดพรรคอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนี้คงต้องคุยกัน
เมื่อถามว่าแนวทางของพรรคกล้าธรรมตรงกับแนวทางของกลุ่มหรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า ยังไม่ได้ทำงานร่วมกันมาก แต่ส่วนใหญ่รู้จักกับนางนฤมลอยู่แล้ว เพราะเคยเป็นสส.ด้วยกัน ทำงานร่วมกันมา
เมื่อถามว่าร.อ.ธรรมนัส ได้ฝากอะไรหรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า เดินไปไหนไปด้วยกัน ยึดถึงการขับเคลื่อนประเทศ และสร้างปัญหาให้กับประชาชนน้อยที่สุด
เมื่อถามว่าความรู้สึกต่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายอรรถกร กล่าวว่า นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ได้แจ้งในที่ประชุมว่าความรู้สึกของทั้ง 20 คน ยังเคารพและเป็นห่วง พล.อ.ประวิตรอยู่ แต่มีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์ลากยาวมาจนถึงวันนี้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ก็เป็นเรื่องของผู้บริหารพรรค เราภาวนาให้เขาเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง และยึดมั่นในประชาชนเป็นหลัก