ปชน.ชำแหละผลงานรัฐบาล ณัฐพงษ์ ชี้‘อิ๊งค์’แถลงไม่ผ่านเกณฑ์ ติงมาตอบกระทู้ในสภาฯ น่าจะดีกว่านี้ ศิริกัญญาแซะบริหารมาครึ่งเทอมแล้ว เหน็บ รมต.หน้าเก่า ย้ำซักฟอกไตรมาสแรกปี 68

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลจัดแถลงผลงานช่วง 90 วัน ทำให้ประชาชนคาดหวังว่านี่จะเป็นการแถลงผลงานของรัฐบาล แต่กลับมีปัญหา 2 เรื่องคือ เรื่องแรก รัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งมา 90 วัน แต่ได้บริหารมารวมแล้ว 1 ปี 4 เดือน ดังนั้น การจะบอกว่ามาแถลงผลงาน 90 วัน เป็นแค่การแถลงนโยบายของนายกฯ คนใหม่ใช่หรือไม่ เพราะรัฐมนตรีมีแต่หน้าเดิม ฉะนั้น ต้องเป็นการแถลงนโยบายที่ผ่านมากว่า 1 ปี ไม่ใช่ 90 วัน

เรื่องที่ 2 แม้จะใช้ชื่องานว่าแถลงนโยบาย 90 วัน แต่สิ่งที่ได้ยินจากนายกฯ คือการแถลงฝากงานรัฐมนตรีที่ไปร่วมงานรวมทั้งสิ้น 11 ครั้ง โดยไม่ได้สรุปผลงานที่เคยผ่านมาว่ามีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ไม่มีผลงาน แต่กลับไม่มีการพูดเรื่องผลงานอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะมีผลงานบางอย่างที่เป็นผลงานได้

“สิ่งที่นายกฯ พูดวันนี้ กลับพูดโดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก จึงเป็นเหมือนการแถลงนโยบายภาคสอง พูดแค่หัวข้อ และการพูดในแต่ละหัวข้ออาจจะยังคิดไม่ครบทุกระบบ แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่เราเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการทลายทุนผูกขาด การปรับโครงสร้างหนี้ บ้านเพื่อคนไทย หรือการลดค่าไฟ แต่ย้ำว่าปัญหาคือการไม่ลงในรายละเอียด อีกทั้งไม่ได้พูดถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมออนไลน์” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สิ่งที่เห็นว่าเป็นผลงานจริงๆ คือการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่นายกฯ นำตัวเลขออกมาโชว์ให้เห็น แต่หากยังจำกันได้คือนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยบอกไว้ตัวเลขฝุ่น PM ในแต่ละพื้นที่จะลดลงเท่าไหร่บ้าง แต่ตัวเลขที่น.ส.แพทองธาร นำมาแถลง เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงมาจากเป้าหมาย

ขณะที่โครงการซอฟต์พาวเวอร์ นายกฯ ก็พูดแตะนิดหน่อยว่าจะทำต่อ แต่ขอทวงถามว่าโครงการที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่สมัยที่ น.ส.แพทองธารนั่งเป็นประธานอยู่นั้น ไม่มีความคืบหน้าอะไร แม้กระทั่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็บอกแค่ว่าปีหน้าแจกแน่ แต่ไม่ได้บอกว่าแจกเมื่อไหร่ รวมถึงเงินที่จะแจกผู้สูงอายุปีหน้า ก็ยังไม่มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากถอนเรื่องไป

ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การแถลงของนายกฯ เป็นการฝากงานมากกว่า สิ่งที่อยากเห็นจากรัฐบาล คือการทำให้คนไทยเชื่อมั่นได้ว่าในปี 2568 ภายใต้บริบทโลกใหม่ นโบายของรัฐบาลจะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนอย่างแท้จริง

สิ่งที่ตนอยากเห็นจากการแถลงของนายกฯ คือการปฏิรูประบบราชการ นายกฯ พูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล แต่กลับไม่พูดถึงปัญหาการต่อต้านคอร์รัปชั่น รวมทั้งเรื่องการกระจายอำนาจที่กลับไปพูดถึงการกระจายอำนาจด้วยกองทุนเอสเอ็มแอล ทั้งที่การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้โดยตรง ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งอปท.ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหา

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติด เราได้ยินแค่ว่านายกฯ จะทำแพลตฟอร์มรับเรื่องร้องเรียนปัญหายาเสพติด ซึ่งปัญหานี้ใหญ่มาก ไทยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เลย ถ้าไม่พูดถึงปัญหาชายแดน และปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่นโยบายด้านการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่ชัดเจน ปัญหาการศึกษาก็ไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.การศึกษาฯ หรือการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องพลังงานไฟฟ้าที่มีความสำคัญ นายกฯ ไม่พูดถึงการยกเลิกสัมปทานพลังงานหมุนเวียนไฟฟ้า 3600 เมกกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ รมว.พลังงานได้ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งนายกฯ เป็นประธานด้วย แต่ไม่มีการพูดถึงว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายด้านการต่างประเทศ ว่าไทยจะจัดตนเองไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่อย่างไรในสงครามการค้าโลกที่เราจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในปี 2568 ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่สหรัฐฯ กำลังจะตั้งกำแพงภาษีกับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ซึ่งรวมถึงไทยด้วย

ตนอยากเห็นนายกฯ มองบริบทประเทศของเราว่าไม่ใช่ small country แบบที่นายเศรษฐา เคยพูดไว้ แต่เราคือ middle power country เราเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อรองระดับหนึ่ง ตนอยากเห็นนายกฯ แสดงบทบาทผู้นำในเวทีอาเซียนในการเจรจาในภูมิภาค เพื่อสร้างความร่วมมือว่าเราจะสร้างอำนาจต่อรองในสงครามการค้าโลกนี้อย่างไร

“การแถลงผลงานของนายกฯ ยังไม่ผ่านเกณฑ์ เหมือนการฝากงานที่นายกฯ พูดไม่ครบ คิดไม่จบ เราอยากเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการนิติบัญญัติโดยเฉพาะการมาตอบกระทู้ถามสดด้วยตนเอง” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ส่วนการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ไปแล้วกว่า 80 ฉบับ เราอยากทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก อยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม หรือร่างกฎหมายของรัฐบาลที่จะยื่นเข้าสู่สภาฯ เพื่อมาพิจารณาร่วมกัน

เมื่อถามว่าการบริหารที่ผ่านมาตัดเกรดรัฐบาลให้เกรดอะไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ให้เป็นเกรด แต่ตนคิดว่าไม่ผ่านเกณฑ์ก็คือผิดความคาดหวังของประชาชน รัฐบาลนี้ทำงานไปแล้วเกือบครึ่งเทอม ถ้ามองจากกรอบการทำงาน 1 ปี 4 เดือน ตนเชื่อว่ายังไม่ผ่านเกณฑ์

เมื่อถามว่ามองนโยบายที่ผิดพลาดที่สุดของรัฐบาลคืออะไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นโยบายที่โดดเด่นของพรรคเพื่อไทยที่ทุกคนมองในสมัยก่อน เป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 ที่แจกจ่ายไปแล้ว ภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร

นอกจากนี้ เฟส 2 และ 3 ก็พูดออกมาชัดว่าเฉพาะเฟส 3 เท่านั้น ที่จะแจกเงินดิจิทัล แบบนี้ก็ถือว่าพลาดเป้าไปหลายเป้าที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายไว้ตอนหาเสียง

ทั้งนี้ ถ้าวันนี้นายกฯ มาตอบกระทู้สดในสภาฯ น่าจะตอบข้อซักถามได้หลายข้อ วันนี้ตนและ น.ส.ศิริกัญญา ตั้งข้อสังเกตไว้ จะให้ความชัดเจนได้มากกว่านี้ รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทราบถึงรายละเอียดในการดำเนินนโยบายได้ดีกว่านี้

เมื่อถามว่าการบริหารราชการทั้งหมดนี้ สามารถนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ วางกรอบไว้อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรามีการเตรียมตัวไว้ค่อนข้างดีแล้ว ตอนนี้ในกรอบที่วางไว้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ยืนยันว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน