“พิธา” พร้อมสู้ ดันคนรุ่นใหม่ นั่ง “นายกอบจ.เชียงใหม่” ไม่หวั่นแม้ “ทักษิณ” ลุยเอง ชี้ ลงพื้นที่ทับไลน์กันบ่อย ไม่มีอะไร แค่เขตยุทธศาสตร์ ไร้กังวลฐานเสียงหลักกลับมาเลือกไม่ได้ แต่รับว่า เลือกตั้งท้องถิ่นต้องแก้ไข ให้เลือกตั้งล่วงหน้าหรือนอกเขตได้
22 ธ.ค. 67 – ที่จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ ว่า
ตอนนี้เป็นไปได้ด้วยดี นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ เปิดตัวครบปีพอดี นายพันธุ์อาจเป็นคนคิดนอกกรอบ ซึ่งตนอยากเห็น นายกอบจ.รุ่นใหม่ ที่มีพลัง แนะนำความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี มาแก้ไขปัญหาให้ชาวเชียงใหม่ให้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นแผน 100 วัน ก่อนที่จะมีฝุ่น ซึ่งในการมาเชียงใหม่ที่ผ่านมา จนถึงเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว พบว่ามีฝุ่นเกินกว่า 50 กว่าวัน ตอนนี้เรารู้ล่วงหน้าก็ควรจะมีแผนรับมือกับฝุ่น ใช้เทคโนโลยีโดรน ประสานความร่วมมือกับ GISDA แจกเครื่องกรองราคาถูกให้กับประชาชน รวมถึง หน้ากากอนามัย
เมื่อถามว่า คู่แข่งคนสำคัญคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะลงพื้นที่มาหาเสียง นายพิธา กล่าวว่า ยินดีกับการแข่งขันอยู่แล้ว เพราะในทางการเมือง หากมีการแข่งขันมีการแสดงวิสัยทัศน์ นำนโยบายมาสู้กัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนายทักษิณ และตนก็เป็นผู้ช่วยหาเสียงทั้งคู่
ยังหวังว่า ก่อนวันที่ 1 ก.พ. จะมีสื่อมวลชนสักช่องจัดดีเบต เหมือนที่ จ.อุดรธานี และ จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้สมัครทั้งสองท่าน ได้โชว์วิสัยทัศน์ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกับภาวะผู้นำที่ต้องใช้กับ จ.เชียงใหม่ ทั้งฤดูฝนและฤดูฝน ที่ดับฝันประชาชนจะมีแนวคิดอย่างไร อยากให้ผู้นำตัวจริงที่ดูแลงบประมาณได้แสดงวิสัยทัศน่าจะเหมาะสมกว่า
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์นายทักษิณ อาจจะกลับมาทวงคืนพื้นที่ จ.เชียงใหม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของคุณทักษิณ แต่ในพื้นที่มี สส. 7 คน เป็นของพรรคประชาชน ซึ่งทางเราก็มองว่า เป็นเขตยุทธศาสตร์ สื่อมวลชนก็มีความสนใจ ถามว่า ทำไมทับไลน์กันบ่อย 2 คนนี้ คราวที่แล้วจำกันได้ มาก็ปีใหม่ไทย ตอนนี้มาก็ปีใหม่สากล ถึงเลยชนกันบ่อย ต่างคนต่างพรรค ก็วางแผนในการลงพื้นที่ ก็เลยเจอกันบ่อย
นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งเราอยากได้ทั้งนายกอบจ. ลำพูน และเชียงใหม่ เพื่อจะได้ทำงานร่วมกัน ทางการท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม การทำ CODING การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และอยากเห็น นายกอบจ. ทำงานร่วมกับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เพราะจะเป็นคนที่สามารถใช้เทคโนโลยีที่คนรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับไฟป่า ฝุ่น และการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสมัยใหม่
จึงอยากเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ และอยากให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ ออกไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ เหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2566 ซึ่งอดีตพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากกว่า 4 แสนเสียง เชื่อว่าจะได้นายกอบจ.ที่คิดนอกกรอบ เคยผ่านระบบราชการ ทำงานกับจิสด้า แก้ไขปัญหาได้ทุกฤดู
เมื่อถามว่า 7 เขตของพรรคประชาชนยังแข็งแรงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอนเราทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นเพียงผู้ช่วยหาเสียง แต่ก็ได้ติดตามเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาดว่าถึงไหนแล้ว ซึ่งผู้ที่จะมาบริหารก็คือนายก อบจ. ไม่ใช่ผู้ว่าฯ ถือเป็นการผลักดันกฎหมายของ สส.เชียงใหม่ ที่เป็นข่าวดี ในเรื่องของ พีเอ็ม 2.5 ในตรวจสอบการรับซื้อข้าวโพด ว่ามาจากการเผ่าป่าหรือไม่ ซึ่ง สส. เชียงใหม่ถือว่าทำหน้าที่ในสภาและดูแลพื้นที่อย่างเต็มที่ ในวันพรุ่งนี้ในการลงพื้นที่ตลาดวโรรส จะเป็น สิ่งสะท้อนว่า สส.เขตทำงานอย่างเหนียวแน่นหรือไม่
เมื่อถามว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานส่วนใหญ่ ออกไปทำงานในต่างจังหวัดกังวลกับฐานเสียง หลักจะไม่กลับมาเลือกตั้งนายกอบจ.หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้กังวลใจเฉพาะเชียงใหม่ แต่กังวลกับระบบประชาธิปไตยทั้งประเทศ ในเรื่องของการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ไม่เหมือนกับสนามใหญ่ที่ให้เลือกตั้งข้ามเขต เลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งในต่างประเทศไม่ได้ ทำให้การมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงลดลงอย่างมีนัยยะ เช่นในจังหวัดอุดรธานี้ที่ 69% เหลือเพียง 32% การเลือกตั้งแล้วมีคนมาใช้สิทธิ์ต่ำกว่า 50% คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องคิดแล้ว
ขณะที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ก็ระบุว่า เมื่อมีนโยบายออกล่วงหน้าก็กระทบ และการที่มีการเลือกตั้งหลายครั้งๆ เช่น เลือกตั้งในวันที่ 22 ธ.ค. ปีใหม่กลับมาบ้าน และเดือน ก.พ.มีเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อีก ก็ไม่มีใครสามารถลางานเพื่อกลับมาเลือกตั้งได้บ่อยๆ
“อยากเชิญชวน กกต. และคนที่ดูแลเกี่ยวกับกฎหมายประชาธิปไตย ว่า การเลือกตั้งควรจะสะดวก เรียบง่าย ควรจะใช้เวลาน้อยคำนึงถึงพี่น้องประชาชน คนที่ต้องเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว คนที่เดินทางไปอยู่ต่างประเทศ อยู่ที่ไต้หวัน เกาหลีใต้ อิสราเอลก็เยอะ แต่กลับมาเลือกตั้งไม่ได้
เข้าใจว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง จะเรียกกกต.มาพูดคุยในเรื่องนี้ ทั้งเรื่องนายกอบจ.ลาออกล่วงหน้า ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นใช้งบประมาณกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศที่สำคัญ รองจาก สส.กับนายกฯ
แต่กระบวนการที่เทคโนโลยีขนาดนี้ ทั้งเรื่องจดหมายและการโหวตผ่านอินเทอร์เน็ตยังไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นสักที อยากให้กระบวนการเลือกตั้งสะดวกกับประชาชนที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเป็นโลกก็ยังเป็นคนไทย ” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่เห็นด้วยกับการที่นายกอบจ ลาออกเพื่อมาชิงตำแหน่ง นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่จะทำให้งบประมาณเปลืองสองครั้ง ทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์ยากลำบาก และเป็นช่วงที่ไม่เกี่ยวกับปีใหม่ ซึ่งไม่มีใคร ที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาที่จะสลับบ้านติด ๆ กันทุก 2 สัปดาห์ได้ จึงทำให้การใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีน้อย เช่นในจังหวัดลำพูน ที่มีคนมาใช้สิทธิ์เพียง 16% ซึ่งเป็นคนที่รักประชาธิปไตยมากเป็นอันดับหนึ่ง
ซึ่งตนหวังว่า ชาวลำพูนและชาวเชียงใหม่ จะออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ หรือปิดเทอม ซึ่งเมื่อวานตอนเจอ เด็ก จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล ที่กลับมา ในจังหวัดอุบลจำนวนมาก และหวังว่าจะทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น