เพื่อไทย แถลงจุดยืน แจงปมหนุนญัตติ ‘หมอเปรมศักด์’ ยื่นศาลรธน.ตีความ เหตุประสานทุกฝ่ายแล้ว ประเมินล้มเหลว-ถูกตีตกแน่ ‘สุทิน’ ลั่น ปชช.มองออกใครแก้จริง เหน็บไม่ใช่รู้ว่าเดินต่อแล้วจะตก ก็ยังเดินต่อ บอกขอเดินทางโค้งดีกว่าตกเหว
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 13 ก.พ.68 ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ แถลงภายหลังองค์ประชุมรัฐสภาล่ม ขณะพิจารณาวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1
นายสุทิน ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีเจตนารมณ์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่ได้แก้ตามนโยบายที่เคยให้ไว้แล้ว หลังจากที่เราพยายามยื่นมาหลายรอบ แต่เมื่อยื่นแล้วก็ยังมีข้อกังขาว่าประธานสภาจะบรรจุหรือไม่บรรจุวาระ นั่นคือความคลุมเครือและเป็นปัญหามาตลอด รวมถึงรู้ดีว่าจะเป็นปัญหาต่อไป
นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อร่างดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่สภาแล้ว เราก็พยายามประสานกับทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ นั่นคือเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและเสียงของ สว. เมื่อเราทำเต็มที่และขอความร่วมมือเต็มที่แล้ว จากการประเมินเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านนั้นยาก มีโอกาสตกสูง เมื่อไม่มีโอกาส เราจะทำอย่างไร จะจำนนต่อสถานการณ์หรือไม่ เราจะเสนอและพิจารณากันไปแล้วปล่อยให้โหวตตกหรือไม่ หากทำเช่นนั้นนั่นคือความล้มเหลว ซึ่งเราทราบดีว่าความล้มเหลวรออยู่แล้ว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ฉะนั้นจึงแสวงหาอีกวิธีที่พอจะมีความหวัง โดยขอให้ร่างยังอยู่ในสภา คือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และระหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ร่างดังกล่าวก็ยังอยู่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา เราก็มีโอกาสทำให้สำเร็จ เราก็จะเดินหน้า
แต่หากผลออกมาแล้วไม่เป็นคุณ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาในทางที่บอกว่าแก้ไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าแก้ไม่ได้ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัย ก็เกิดความเห็นต่างกันอยู่ เช่น ต้องทำประชามติกี่รอบ และสมาชิกรัฐสภาก็เกิดความกังวลว่าหากพิจารณาและลงมติแล้ว จะถูกตัดสินหรือดำเนินคดีหรือไม่ เพราะมีตัวอย่าง
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่ามีสมาชิกจำนวนไม่น้อย ไม่มั่นใจในสถานะหากอยู่ประชุม ทางที่ดีคือยื่นศาลให้ตีความ ซึ่งเชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความมาแล้ว ความหวังเรายังมี วันนี้เราจึงสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แต่เมื่อญัตตินี้แพ้ต่อสภา เราก็ต้องพิจารณากันต่อ ซึ่งเราก็มองเห็นคำตอบอยู่ข้างหน้าว่าเมื่อไปข้างหน้าก็ตก ฉะนั้นจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผลของเรา
“วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตก และให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุม ถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้า แบบนั้นเราไม่เอา เพื่อนสมาชิกบางคน บางพรรคอาจจะมองหรือเข้าใจเราผิด ยืนยันว่าเรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จ ถ้าเดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง หากทางโค้งยังไม่สำเร็จ ขอหยุดการเดินทางไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว“ นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในวันที่ 14 ก.พ.ประธานรัฐสภาได้แจ้งว่ายังมีประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ ส่วนองค์ประชุมจะล่มหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ แต่หากทุกคนไปคิดแล้วว่าพอจะมีทางชนะกันในสภาได้ เราก็จะมาต่อสู้ในสภา
ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่วิเคราะห์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี 2 ร่างอยู่ในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านมติของรัฐสภา หรือได้รับเสียงของ สว.ที่จะเห็นชอบไม่ถึง 67 คน ซึ่งสาเหตุสำคัญคือประธานรัฐสภาสั่งบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวเข้ามาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เขาก็พุ่งไปที่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 คือจะยังบรรจุไม่ได้จนกว่าจะถามประชาชนเสียก่อน เมื่อประเด็นวิตกกังวลเป็นเช่นนี้ และเห็นว่าจะไม่ผ่านเพราะเหตุนี้
“เราจึงตั้งว่าถ้าแบบนั้น ประเด็นนี้ก็ควรสอบถามกันให้ชัดเจนว่า ท้ายที่สุดการบรรจุระเบียบวาระเช่นนี้ที่จะนำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงนำไปสู่การสนับสนุนญัตติของคุณหมอเปรมศักดิ์ โดยหวังว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตอบมาในทางที่เป็นคุณ คือที่เราทำถูกต้องแล้วก็สามารถเดินหน้าต่อได้” นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น คิดว่าหากเราพิจารณากันต่อ ทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้วว่าญัตติจะตกไป และเมื่อตกไปก็ถือว่าน่าเสียดาย เพราะเราต้องเริ่มต้นใหม่ และเมื่อเริ่มต้นใหม่ปัญหาก็ยังคาราคาซังเหมือนเดิม และจะวนเวียนมาสู่ปัญหานี้อีก ฉะนั้นที่เราทำเจตนาคือต้องการให้ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงอยู่ในรัฐสภา และคิดหาทางกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ
“ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง มีเพียงเจตนาเต็มที่ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะเป็นนโยบายที่เราเสนอไว้ และมีความพยายามจะทำอย่างนี้มาตลอด ย้ำว่าเราจึงสนับสนุนญัตติของหมอเปรมศักดิ์ โดยหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วมีความชัดเจน เราจะได้ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้“ นายชูศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรเพราะเหมือนอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราอยากเคลียร์ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งพบว่าปัญหานั้นไม่ใช่ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะกระบวนการและวิธีการไม่ถูกต้อง ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าควรถามเพื่อเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจน
นายสุทิน กล่าวเสริมว่า ตนคิดว่าไม่ลำบาก ถึงวันนี้ประชาชนจะมองออกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้น มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ พรรคภูมิใจไทย และสว.ส่วนหนึ่งที่ไม่แก้ กลุ่มที่ 2 คือ อยากแก้ แสดงตัวว่าจะแก้ แต่มีข้อแม้ว่าแก้จริงหรือไม่พยายามที่จะดันต่อไป ทั้งที่รู้ว่าจะถูกตีตก สังคมจะรู้ว่าแก้เพื่อหวังผลสำเร็จหรือไม่ กลุ่มที่ 3 พรรคเพื่อไทย เดินเกมเต็มที่ แต่เจออุปสรรคเราจึงต้องชะลอ เพื่อหาทางสู้ใหม่
ประชาชนคงมองออกว่าใครคือกลุ่มที่แก้โดยหวังผล หรือกลุ่มที่สักแต่ว่าจะได้แก้แล้ว แต่ของเราคือแก้ได้แล้ว เราอยากพูดคำนี้มากกว่า ไม่ใช่แก้แล้ว ยิ่งเดินต่อไปก็ยิ่งจะช้ำ แล้วคนที่รู้ว่าเดินต่อก็จะตก จะเดินไปทำไม กับของเราที่รู้ว่าจะตก แต่เราไม่เดินต่อ และเราชะลอเพื่อที่จะตั้งหลักแล้วเดินใหม่ ประชาชนน่าจะมองออก
เมื่อถามว่าใครจะทำให้ตก นายสุทิน กล่าวว่า ในสภาก็พอจะมองออก คนที่พยายามจะเดินหน้าอภิปรายแล้วได้โหวต คนนั้นคือคนที่รู้ว่าเดินหน้าแล้วจะตก แล้วจะเดินต่อทำไม