บิ๊กอ้วน นำผบ.เหล่าทัพ รายงานนายกฯ ซีลตามแนวชายแดนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประสบผลสำเร็จ ย้ำไม่ใจอ่อนลดระดับมาตรการ สร้างกำแพงชายแดนไทย-ปอยเปต รอตัดสินใจก่อน
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 14 ก.พ.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานความมั่นคงเข้าหารือว่า ทุกเหล่าทัพได้รายงานสถานการณ์โดยเฉพาะความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังเปิดปฏิบัติการซีลแนวชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการในช่วงต้นประสบความสำเร็จ
การกดดันในครั้งนี้ ทำให้มีการเคลื่อนไหว ปิดสถานบันเทิงที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่แน่ชัดว่าไทยต้องการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ ต้องมีการตรวจสอบคนที่ขอความช่วยเหลือ เมื่อเคลียร์ปัญหานี้แล้ว ก็ต้องหาช่องทางดำเนินการต่อไป ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่อง และมีการสำรวจกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปทำงาน
บางส่วนต้องแยกแยะให้ชัดเจน หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะส่งตัวให้กับสถานทูตมารับ ส่วนประเทศไหนที่มีคนจำนวนมาก ก็จะเช่าเหมาลำเครื่องบินมารับ ยืนยันว่าไทยจะไม่ยินยอมให้เป็นศูนย์อพยพ
ทั้งนี้ เมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว ก็นำข้อมูลนี้ไปดำเนินการ เพื่อให้ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด และข้อมูลทั้งหมดให้บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อจะได้มีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งเวลานี้ได้นำทุกเหล่าทัพและส่วนที่เกี่ยวข้อง มาทำงานเชื่อมกับฝ่ายการเมือง เพราะบางเรื่องฝ่ายปฏิบัติเมื่อมาถึงระดับที่ตัดสินใจแล้ว อาจจะไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจดำเนินการต่ออย่างไร
ดังนั้น การพูดคุยวันนี้ ตนซึ่งประสานงานโดยตรงสามารถตอบแทนฝ่ายการเมือง แทนนายกฯ ได้ ซึ่งจะทำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานได้อย่างบูรณาการ โดยรวมก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ส่วนความคืบหน้าการระงับโซลาร์เซลล์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ แต่หัวใจของการพูดคุยวันนี้ ถ้าสามารถซีลทั้งหมดได้ เราก็จัดการพื้นที่ชายแดนได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น
เมื่อถามว่าในที่ประชุมนายกฯ ได้เสนออะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า นายกฯ ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำงาน และขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานงานกันให้ได้มากขึ้น พร้อมย้ำว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องของหมายจับพันเอกหม่องชิตตู ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนที่กองกำลังต่างๆ ของชายแดนเมียนมา ออกมาแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้รัฐบาลไทยใจอ่อนถึงขั้นลดระดับความเข้มข้นของมาตรการลงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องใจอ่อนหรือไม่ใจอ่อน แต่ต้องทำให้ตรงเป้าหมาย
ปัญหาของเราคือ 1.ต้องเอาคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ 2.จะไม่ให้ใช้พื้นที่ของเรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดและค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ถ้าเป้าหมายตรงนี้ได้ เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปประท้วง หรือสร้างเงื่อนไขต่อ เพราะถือว่าเราได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว ถ้าเป็นไปตามเป้าหมาย เราก็มีสิทธิ์คืนให้กับเขาได้ แต่ถ้ายังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ต้องดำเนินการต่อ
ส่วนเป้าหมายของรัฐบาล คือหมดสิ้น 100% หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด นายภูมิธรรม กล่าวว่าไม่สามารถพูดได้ว่าหมดสิ้น 100% แต่ต้องให้เห็นชัด ให้ทุกคนรู้สึก เช่น เบอร์โทรศัพท์ลดลง คดีลดลง ต้องว่าไปตามสัดส่วนและต้องประเมินสถานการณ์ตลอด ซึ่งจะมีทีมที่ช่วยตัดสินใจและรวบรวมหลักฐานอยู่
เมื่อถามว่ามีการหารือถึงฐานแก๊งมิจฉาชีพ ที่อยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า บางอย่างที่พูดคุย เขาไม่ให้บอก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน
ส่วนแนวคิดสร้างกำแพงแนวชายแดนที่ติดกับปอยเปตมีความเป็นไปได้แค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้ไปหาข้อสรุปถึงขั้นนั้น แต่คงต้องมีกระบวนการไปดูเพราะเป็นข้อเสนอของคนในพื้นที่ก็ไม่ปฏิเสธและนิ่งเฉย ต้องดูรายละเอียด
เมื่อถามว่าถ้าก่อสร้างกำแพงระยะ 55 กิโลเมตร ประเมินไว้หรือไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ นายภูมิธรรมกล่าวว่ายังไม่รู้ว่าจะสร้างหรือไม่ มองว่าผิดขั้นตอนไป ขอให้เราตัดสินใจก่อน เมื่อตัดสินใจแล้วจะมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจที่จะดำเนินการ
นายภูมิธรรม กล่าวว่าตอนนี้ชัดเจนแล้ว จะมีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง ถ้าดูตั้งแต่เริ่มคิกออฟมาตรการ มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา และเห็นได้ว่าไม่ได้หยุดนิ่งเลย ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์