เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวชื่นชมคสช. ที่พัฒนาภาคใต้ โดยตำหนิรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่พัฒนาภาคใต้ ว่า อยากให้นายชวน ย้อนกลับไปมองว่าในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทุกครั้ง มีการพัฒนาภาคใต้ขนาดไหนสมัยที่ตนเป็นเด็กภาคใต้ มีถนนลาดยางสองเลนในขณะที่ถนนในภาคอีสานยังเป็นถนนลูกรัง เมื่อผ่านไปภาคใต้ก็ยังมีแค่ถนนลาดยางสองเลน ในขณะที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ มีถนนลาดยาง 8 เลน และ10 เลน ตนเคยสอบถาม ส.ส. หลายคนว่าเพราะเหตุใดภาคใต้จึงไม่พัฒนา ไดรับคำตอบว่าส.ส. ในภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาชีพที่ทำรายได้มากนัก ได้ขายงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นให้กับ ส.ส. ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่มีฐานะค่อนข้างดี ทำให้การพัฒนาภาคเหนือ และอีสาน มีมากกว่าภาคใต้มาก
นายพิชัย กล่าวว่า ขอให้นายชวน ตอบข้อสงสัยเพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และสมัยที่นายชวน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศถนนลาดยาง 2 เลนทั่วประเทศ แต่เหตุใดภาคใต้จึงไม่พัฒนาเพิ่มขึ้น อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่รวมถึงคนภาคใต้เองอาจจะไม่ทราบว่า ภาคใต้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าภาคอื่นมาโดยตลอด การพัฒนากระจุกอยู่ในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเท่านั้น เช่น จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ หาดใหญ่ จ.สงขลา ฯแต่จังหวัดอื่นกลับพัฒนาน้อยมากเมื่อเทียบกับจังหวัดในภาคเหนือ และอีสาน และให้ย้อนไปดูการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท สมัยนายอภิสิทธิ์ ที่ใช้งบเป็นเบี้ยหัวแตก และส่วนใหญ่กระจายให้กับกระทรวงศึกษา และกระทรวงสาธารณสุขที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ ถามว่าเหตุใดไม่นำไปพัฒนาภาคใต้ให้เจริญกว่านี้ ในขณะที่สมัยรัฐบาลนายทักษิณได้พยายามผลักดัน การพัฒนาเซาท์เทิร์นซีบอร์ด โครงการแลนด์บริดจ์ แต่โดนปฏิวัติก่อน หากทำสำเร็จภาคใต้คงเจริญมากกว่านี้มาก ขณะที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษ์ ได้พัฒนาถนนในจังหวัดภูเก็ตจนชาวภูเก็ตขอบคุณ
- “อยากให้นายชวนกลับไปดูวิธีคิด และวิธีบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยที่ได้เป็นรัฐบาลให้ดีก่อนจะไปต่อว่ารัฐบาลอื่น และควรนำแนวคิดการพัฒนาภาคใต้ที่รัฐบาลนายทักษิณ คิดไว้แล้วนำไปใช้ เพราะประชาชนภาคใต้จะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ต้องลำบากเหมือนในปัจจุบันที่ราคายางพาราตกต่ำกว่าสมัยรัฐบาลนายทักษิณและรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์มาก เพราะในปัจจุบันโลกแข่งขันกันมาก ดังนั้นผู้นำต้องเฉลียวฉลาดเพื่อนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้”
