โรม ชี้ต้องรีบเก็บข้อมูลแยก เหยื่อ-อาชญากร ที่เมียวดี เผยไบโอเมทริกซ์ ไทยหมดอายุใช้ไม่ได้ คาดไม่เก็บข้อมูลมากว่า 17 ล้านคนแล้ว มอง ‘ซาย จอ หล่า’ ทารุณ ไม่ต่าง หม่อง ชิตตู
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ.ว่าจากการลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือการส่งคนที่อยู่ในเมียวดี ซึ่งเป็นทั้งเหยื่อคอลเซ็นเตอร์และอาชญากร ไปส่งที่ต้นทาง ทั้งจีนและแอฟริกา
มีความน่ากังวลในเรื่องการเก็บข้อมูล สองส่วนที่ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า สรุปเป็นเหยื่อจริงๆ หรือเป็นอาชญากร ถ้าเป็นอาชญากร คำถามคือมีใครเกี่ยวข้องหรือไม่กับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญ ที่จะใช้นำมาปราบปราม ทลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ
แม้วันนี้จะรู้ว่าใครเป็นใครบ้าง แต่ไม่รู้ทั้งหมด บางกระแสบอกว่ามีบอส และผู้จัดการหนีไปอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขณะบางกระแสบอกว่า อาจจะอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองหลวงของไทย ถ้าเราไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ ขณะที่จีนจัดการแก้ปัญหาของเขา วันนี้จีนเทายังอยู่ในไทยหรือไม่ และเราจะจัดการอย่างไรเพราะนี่คือเรื่องผลประโยชน์ของไทย ที่จะต้องปกป้องตัวเอง จะมาหวังพึ่ง ประเทศอื่นไม่ได้
นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า การจะเข้าไปแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการจัดพิสูจน์ ต้องใช้เงิน เวลาและทรัพยากรในการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ต้องเข้าใจว่าจีนเทาพวกนี้มีเงินเยอะ สามารถซื้อสัญชาติ ซื้อพาสปอร์ต
“ถ้าเราไม่มีการเก็บอัตลักษณ์ จะรู้ได้อย่างไรว่า ในอนาคตคนเหล่านี้ ถ้าออกจากประเทศและกลับเข้ามาใหม่ อาจถือพาสปอร์ตของประเทศหมู่เกาะอะไรซักอย่าง แล้วใช้ไทยเป็นทางผ่าน ในการเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรืออาชญากรรมอื่นๆ เป็นปัญหาใหญ่ที่เราไม่สามารถเพิกเฉยได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนแรกตนไม่คิดว่า จะมีการเพิกเฉยต่อเรื่องอัตลักษณ์และส่งตัวกลับประเทศแบบนี้ แต่ตนมีข้อมูลจากแหล่งข่าว เหตุผลที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ เพราะระบบที่เราซื้อมันใช้ไม่ได้อีกแล้ว หมายความว่า เครื่องที่เราใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงบริเวณชายแดน มีความเป็นไปได้ว่า ระบบที่เคยซื้อมันไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลเป็นเวลานาน
เท่าที่ตนทราบ มีความเป็นไปได้ว่า คนที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย ตัวเลขอาจถึง 17 ล้านคน อาจจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ ส่วนที่เก็บที่ ตม. การเก็บหน้าพาสปอร์ต เก็บชื่อ แต่ไม่ใช่ ไบโอเมทริกซ์ วันข้างหน้า ถ้าบุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยสัญชาติอื่น จะไม่สามารถจับได้
วันนี้ที่ประชุมกมธ. จะสอบถามข้อมูลเรื่องไบโอเมทริกซ์ และเรื่องจีนเทา ที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ และปัญหาความปลอดภัยโดยรวมของไทย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หมายความว่า ความปลอดภัยโดยรวมของไทยพังทั้งหมด หวังว่าข้อมูลที่ได้มาจะไม่ใช่เรื่องจริง
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ หม่อง ชิตตู ว่าเป็นการละครหรือการฟอกขาวหรือไม่ เดิมอัยการจะไปพบกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แต่มีการยกเลิกกะทันหัน เรื่องนี้ถ้าเป็นจริงก็ผิด และเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน กังวลว่าระบบของกฎหมายไทยจะเป็นการฟอกขาว ซึ่งไม่เฉพาะ หม่อง ชิตตู แต่ยังมีอาชญากรอีกหลายคนที่ต้องวางเป้าหมายร่วมกันกับหน่วยงานของรัฐ ว่ามีข้อมูลมากน้อยเพียงใด จึงมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลในวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดระบบไบโอเมทริกซ์ถึงใช้ไม่ได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ไลเซนส์ รองรับไม่ได้ เพราะอาจหมดอายุ ซึ่งต้องคุยว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นจริงขึ้นมา และไม่มีแผนสำรอง ประเทศไทยจะเสียหายมาก และเป็นเรื่องอันตราย อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้จีนเทาเต็มบ้านเต็มเมือง
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงข้อมูลของเมืองไท่ฉาง ซึ่งเป็นเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ของกลุ่ม DKBAว่า เท่าที่ได้รับทราบข้อมูล เมืองนี้อยู่บริเวณเขาช่องแคบ ที่มีแก๊งสแกมเมอร์อยู่ประมาณหลักหมื่นคน อาจจะรวมเหยื่อ อาชญากร ที่มีการทารุณกรรม มีความโหดร้าย
จากข้อมูลของชาวบ้านที่ระบุว่า มีการพบศพช่วงน้ำหลากบริเวณริมแม่น้ำเมยเป็นประจำ ซึ่ง DKBA ก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ มีผู้นำคือ พลจัตวา ซาย จอ หล่า หรือโกซาย ซึ่งตนมองว่ามีความโหดร้ายทารุณ ไม่ต่างกับพื้นที่ของ พันเอกหม่อง ชิตตู
ส่วนเรื่องการใช้ไฟตนเข้าใจว่า น่าจะมีการพ่วงมาก่อนหน้านี้จากภายใน แต่ตอนนี้ตัดไปหมดแล้ว รวมทั้งข่าวที่ตนได้รับจากสื่อว่าจะมีการขนถังแก๊สและน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโกซาย อีกด้วย