อิ๊งค์ ร่ายยาว แจงปมชั้น 14 โต้ดีลปีศาจ ย้ำ ทักษิณ เป็นตัวท็อปที่ได้รับความอยุติธรรม โรม ปัดร่วมม็อบพันธมิตรฯ ลั่น ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล อดีตนายกฯ ไร้สิทธิพิเศษแน่

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เป็นวันที่ 2 พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ

เวลา 15.40 น. น.ส.แพทองธาร ขึ้นชี้แจงว่า เราได้ผ่านการอภิปรายมาแล้วหนึ่งวัน สื่อมวลชนมาถามตนเมื่อเช้าว่ามีฝ่ายค้านฝากมาอยากให้ตนพูดยาวๆ หน่อย ซึ่งก็พยายามชี้แจงในสาระที่สำคัญ เพื่อที่จะใช้เวลาของสภาฯ ให้คุ้มค่าที่สุด และอีกเหตุผลหนึ่งที่อยากจะบอกคือหลายท่านที่อภิปรายไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค. อภิปรายในเรื่องของคนอื่นหรืออภิปรายในเรื่องของรัฐบาลชุดอื่น ตนก็เลยไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี

ที่ผ่านมามีสมาชิกอภิปรายเรื่องการครอบครองที่ดินของ โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งมีรัฐมนตรีและกรมที่ดินได้ชี้แจงเรื่องการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย บริษัทของครอบครัวตนทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดในการเข้าประกอบกิจการโรงแรม เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นริม ถ.ธนะรัชต์ ซึ่งหาไม่ยาก

ขอสรุปว่าการครอบครองที่ดิน การประกอบกิจการ การทำทุรกรรมใดๆ ของครอบครัวและกิจการของครอบครัวตนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ส่วนที่สมาชิกฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลได้ปฏิบัติการและทำไปไกลกว่านั้นเยอะแล้ว ซึ่งก็แก้ปัญหาไปได้ไกลมากพอสมควร แต่ก็ถือว่าดี เป็นประโยชน์ในการที่ท่านช่วยสรุปข่าว

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เราทำมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ มีการประสานมือ ประสานงาน ประสานแรงกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา จีน กัมพูชา ที่ช่วยกันในการปราบตัดไฟ

ในเรื่องของการตัดน้ำมัน ตัดสัญญาณเน็ต มีคำชมจากประเทศจีนทันทีที่ตนไปเจอว่า ตัดสินใจเด็ดขาดมาก และดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้คำชมจากท่านสีจิ้นผิง ซึ่งเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจกับคนไทยทุกคน จีนได้มีการสนับสนุนในเรื่องของข้อมูลการข่าวต่างๆ

วันนี้พูดได้ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจากความร่วมมือของทุกๆ ประเทศที่เราขอความร่วมมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเกิดวิกฤตที่คล้ายกันในประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความร่วมมือกับเราอย่างเต็มที่ในเรื่องของการซีลชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก การซีลชายแดนเป็นเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้านจริงๆ หากทำเราเองประเทศเดียวก็จะเกิดความขัดแย้ง

ในส่วนของกระทรวงดีอีได้จัดตั้งศูนย์เอโอซี 1441 ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยการรับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง 100 คู่สาย ได้ระงับบัญชีม้าไปแล้ว 1.92 ล้านบัญชี มีระบบติดตามบัญชีที่มีการทำธุรกรรมทางเงินผิดปกติ

ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ให้มีการตรวจสอบประวัติมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันในอนาคตที่จะเปิดบัญชีม้าได้ยากยิ่งขึ้น ต้องมีการพิสูจน์ตัวตนแสดงตัวตน ทำให้การสร้างบัญชีม้าใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากยิ่งขึ้น

ในเรื่องของซิมม้าเราได้กวาดล้างไปแล้วถึง 2.4 ล้านเลขหมาย มีการระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานแบบผิดปกติ ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนอีก 2.8 ล้านเลขหมาย

นอกจากนี้ได้ตรวจสอบผู้ที่ใช้โมบายล์แบงกิ้งลงทะเบียนเมื่อ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตนก็ไม่สามารถใช้โมบายล์แบงกิ้งได้ ซึ่งตั้งแต่มีมาตรการจริงจัง ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต การแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงถึง 20%

โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียวลดลงถึง 67% ความเสียหายของประชาชนลดลงถึง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ จาก 100 กว่าล้านบาทเหลือ 50 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่น่าพอใจ รัฐบาลจะทำให้เข้มข้นขึ้น สิ่งที่กำลังทำและเร่งรัดอยู่และเข้าคณะรัฐมนตรีไปแล้วเกือบสองเดือน คือมีการร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ในส่วนของดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล แน่นอนว่าเรือธงนี้กำลังเผชิญมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร แน่นอนว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่เป็นนโยบายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นครั้งแรกจริงๆ เราคุ้นชินกันอยู่แล้วเพราะเราเป็นคนริเริ่มอะไรใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ เราพยายามประคับประคองเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดังนั้น ในสองรอบแรกเราจำเป็นต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน ในส่วนของรอบที่สามที่กำลังจะมาถึงเป็นดิจิทัลวอลเล็ตแบบเต็มรูปแบบ มีการพัฒนาระบบซึ่งจะมีการทดลองใช้ให้ถูกต้อง รัดกุมอย่างดี โดยจะเริ่มต้นจากเยาวชน 16-20 ปี ซึ่งมีพลังในการบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยีเรียนรู้รวดเร็ว จะเป็นกำลังสำคัญในการเรียนรู้ระบบต่างๆ ให้กับคนในบ้าน

“เป้าหมายระยะยาวของนโยบายนี้ คือการยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าภายในหนึ่งวาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรง เป้าก็โดนแน่นอนค่ะ เศรษฐกิจที่วิกฤตต่อเนื่องมาเป็น 10 ปีถ้าทำแบบเดิมไม่มีวิธีการใหม่ๆ ก็จะเป็นโอกาสที่เราจะพัฒนาได้ยาก ดังนั้น ต้องมีการอัปเดตวิธีใหม่ๆ แนวเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยต้องควบคู่กัน” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ส่วนเรื่องชั้น 14 ทราบว่าสมาชิกฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้กับตนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เพราะท่านก็เคยไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ภูเก็ต แต่อย่างไรตนก็เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาอภิปรายตนในวันนี้ ด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รมว.ยุติธรรมได้พูดไปหมดแล้ว

ตนอยากจะขอชี้แจงประเด็นในฐานะลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่คุณพ่อกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกฯ เลย จึงไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าตนเป็นนายกฯ แล้วมีอำนาจสั่งข้าราชการหรือสั่งใครๆ ใดๆ

ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตอนนั้น ไม่มีอำนาจใดๆ เลย และในเรื่องของความถูกต้องและกฎระเบียบ ต่อให้อยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่รักษากฎระเบียบก็ต้องทำแบบนั้นต่อ การจะอภิปรายอะไรแบบนี้ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการด้วย การพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่าไปด้วยในตัว ซึ่งตนเชื่อว่าไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด

“สถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีของประเทศเรา ทุกคนทราบดีถึงความยากลำบากที่พี่น้องประชาชนประสบมาในเรื่องของความยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่องของความไม่ยุติธรรม นายทักษิณคือหนึ่งคนท็อปๆ ที่ได้รับความอยุติธรรม ท่านถูกยึดอำนาจทางการเมือง และยังถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ

ตอนนั้นดิฉันอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ทราบว่าคุณพ่อถูกลอบสังหารแต่สมัยนั้น เครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ เมื่อเราได้ยินมา เด็กอายุ 18 คนหนึ่งทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหารก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีหรอกค่ะ แต่ในวันนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแค่ข่าวก็ต้องรออีกสักพักหนึ่งถึงจะทราบว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว ก็หลายครั้ง เป็นสิ่งที่เกิดความเจ็บปวดในครอบครัว” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังต้องถูกพลัดพรากไปไกลอยู่กันคนละประเทศ พอเวลาผ่านมาสักพัก ตนก็พยายามที่จะเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อยๆ จะได้ไม่คิดถึงกันมากจนเกินไป โดยไปมาตลอดจนกระทั่งช่วงโควิดจนท้องลูกคนแรกก็ไปเหมือนเดิมเช่นกัน แต่เดินทางยากนิดนึง ต้องมีการกักตัว การเดินทางยากลำบาก

เมื่อตนบินไปในช่วงท้องหกเดือน ไปอยู่กับท่านหนึ่งเดือน กลับมาเจ็ดเดือนนั่งเครื่องบินก็เสียน้ำตากันนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ เพราะตอนนั้นยังไม่มีวัคซีน คนที่บ้านก็เป็นห่วงว่าเราเดินทางท้องโตเราจะติดโควิดหรือไม่ ไม่ทราบว่าโควิดมันแรงหรือเบา ถือเป็นเรื่องที่ตนผ่านมากับครอบครัว

แน่นอนว่าความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้น ทำให้ครอบครัวของเราที่สนิทกันอยู่แล้ว ก็รักกันมากยิ่งขึ้น เราผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกัน และเข้าใจซึ่งกันและกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้ตนเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติ ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรไม่ควร และเป็นสิ่งที่ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตัวเองมา เรื่องความลำบากมีข้อดีที่ซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ

“ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกกล่าวหาว่าคุณพ่อได้กลับมา เพราะมีดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง 100% ไม่ใช่ความจริงเลย นี่เป็นการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ดิฉันที่รู้จักคุณพ่อก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาถ้าต้องติดคุกหรือต้องถูกจำกัดที่ทาง ดิฉันเป็นห่วง บอกไม่เป็นไรอยู่เมืองนอกก็ได้ เราเจอกันได้

แต่ท่านก็บอกว่าอยากใช้เวลาที่เหลือของท่าน ซึ่งปีนี้ก็อายุ 75 แล้ว อยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย เพราะชีวิตท่านเติบโตที่เมืองไทยมาโดยตลอด ท่านมีความรักและห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมาก คิดอะไรก็จะคิดเรื่องเศรษฐกิจ คิดให้พี่น้องประชาชน

ดิฉันฟังท่านแล้วมีแพชชั่น มีแรงบันดาลใจในการทำงาน เพราะจริงๆ คนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ก็ยังคิดเรื่องดีๆ กับคนอื่นได้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะๆ ในใจดิฉันได้อะไรจากตรงนี้มาพอสมควร แน่นอนว่าในวันนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันสำเร็จ ตั้งรัฐบาลได้ ท่านเองเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไงนายทักษิณก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร นี่คือเรื่องจริงตั้งใจแล้วว่าท่านจะกลับมาให้ได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ส่วนกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องขัง ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ที่ตนขอไม่ก้าวล่วง แต่เป็นสิทธิของผู้ที่มีคดีความทุกคน ถ้าจะพูดเรื่องท่านป่วยจริง ป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าท่านมีอาการป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจน ถ้าตนจะบอกว่าคุณพ่ออายุ 70 กว่าป่วย ท่านจะเชื่อดิฉันหรือไม่ก็ไม่เชื่อ

ท่านป่วยจริงๆ 70 กว่าต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งในช่วงที่เป็นโควิดน้ำหนักลดลดลงไป 10 กว่าโลทำให้เกิดผมร่วง มีฝ้าที่ปอด ท่านก็คงไม่เชื่อ คน 70 กว่าต้องผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20 กว่า 30 กว่า 40 กว่า ท่านเชื่อไหมคะ ก็ไม่เชื่อ

ดังนั้น ตนไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน แต่ขณะนี้เรามีการยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภา เชื่อว่าผลสรุปออกมาอีกไม่นานนี้ ถามจากตนไป ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ก็ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร

“กระบวนการตรวจสอบนายทักษิณจากหน่วยงานต่างๆ ดิฉันในฐานะลูกสาวย่อมห่วงใย เพราะดิฉันรักคุณพ่อ ดิฉันเป็นแดดดี้ส์เกิร์ล 100 เปอร์เซ็นต์ ในฐานะนายกฯ ดิฉันไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงในหน่วยงานไหนเลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบกระบวนการข้าราชการไทย ยุคสมัยนี้แล้วทุกอย่างตรวจสอบได้ ดังนั้น ดิฉันไม่เคยแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้เลย

ตลอดการอภิปรายสมาชิกได้เรียกร้องให้ดิฉันลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกท่านในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ทุกท่านทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้ คือขอให้ดิฉันลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ดิฉันลาออกไม่ได้

ดิฉันพร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะดิฉันสวมหมวกนายกฯ ของประเทศไทย ดิฉันทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่สุดความสามารถแน่นอน ขณะเดียวกันดิฉันในฐานะของลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ดิฉันพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่ดิฉันสามารถพูดได้

แน่นอนว่าขอให้ทุกท่านดูแล้วพิสูจน์ที่ความสามารถของดิฉัน และความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะนายกฯ หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายใดๆ ขอให้วิจารณ์ในเรื่องของการทำงานเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาฯ แห่งนี้และต่อประเทศของเรา” น.ส.แพทองธาร กล่าว

จากนั้น นายรังสิมันต์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ตนเป็นคนเดียวที่อภิปรายเรื่องชั้น 14 และถูกกล่าวหาว่าเป็นพันธมิตร ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งตนเข้าใจนายกฯ ว่า คงมีประสบการณ์หลายอย่างในชีวิตที่เจ็บปวด และขอให้กำลังใจให้ช่วงที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็คือเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์วันนี้พวกเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในส่วนของการกล่าวหาว่าตนเป็นพันธมิตรฯ นั้น ช่วงชีวิตนี้ตนไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ ​หรือภูเก็ต ตอนที่คุณพ่อท่านนายกฯ ถูกรัฐประหาร ตนอายุ 14 ปี หลังจากนั้นตนก็มีโอกาสมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เลย และไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ความคิดของกลุ่มพันธมิตรฯ

หากจะมีความคิดไหนที่ใกล้เคียงที่สุด คือการที่เขาไปเรียกร้องประชาธิปไตย และคนเหล่านั้นเขานิยามตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่ตนไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง เพราะตนตะขิดตะขวงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพ่อท่านทำในหลายเรื่อง ตนคือตน

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ที่มีการรัฐประหารครั้งที่สอง ที่มีการยึดอำนาจไปจากคุณอาของท่าน ตนคือคนแรกๆ ที่ออกมาต่อต้าน ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ฉะนั้น ที่กล่าวหาว่าตนเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรนั้น ยืนยันว่าตนไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร และไม่เคยไปยึดสนามบินอะไรทั้งนั้น

เข้าใจว่ามีคนจำนวนมากที่พยายามใส่ร้ายตนเช่นนั้น จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรแน่นอน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล อดีตนายกฯ จะไม่มีทางได้รับสิทธิพิเศษใดๆ อย่างแน่นอน

ทำให้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะรับข้อมูลใหม่ๆ เสมอ และไม่เป็นอะไร ท่านจะได้เข้าใจว่าการถูกเข้าใจผิดเป็นอย่างไร

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน