วันที่ 17 เมษายน เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้หยุดเผยแพร่และทำลายหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยที่บิดเบือนความจริง

โดยระบุว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายของหนังสือคือ 1.ตอบสนองเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ 2.ตอบสนองความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย นั้น แต่ข้อเท็จจริงตามที่ได้ปรากฎในโลกโชเซียลมีเดียเป็นการทั่วไป กลับขัดแย้งกันในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กับทางวิชาการ มีข้อมูลที่ผู้ไม่ประสงค์ปรองดองใช้มาโจมตี มีการพูดถึงการกำเนิดรัฐไทย ที่ไม่สอดคล้องกัน

ขณะที่เนื้อหาในเรื่องการเมือง ตอนหนึ่งระบุถึงการดำเนินนโยบายแบบประชานิยม และนายทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินนโยบายเน้นโปร่งใส แต่ใช้นโยบายประชานิยม แต่กลับพูดถึงการเข้ามาของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำการรัฐประหารเพื่อขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ความว่า … “..พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง…”

เนื้อหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ที่ไม่อาจยอมให้โกหกกันได้อีกต่อไปแล้ว เพราะการปฎิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองในขณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงม็อตโต้โฆษณาชวนเชื่อของคสช. เท่านั้น การเขียนรัฐธรรมนูญ ก็ถอยหลังลงเหวไปไกลมาก มีการซ่อนเร้นเนื้อหาเพื่อปูทางให้มีการสืบทอดอำนาจ และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของประเทศจากการกระทำของคสช. ในมาตรา 279 เป็นต้น จึงไม่สามารถสะท้อนให้เห็นบริบทใดว่าคือประชาธิปไตยที่แท้จริงได้

นอกจากนั้น ก็เกิดปรากฎการณ์ของการทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งการโกงเงินคนจน โกงเงินเพื่อการศึกษา โกงวัคซีนสุนัข โกงตู้น้ำดื่มพลังแสงอาทิตย์ ฯลฯ ซึ่งสาธยายไม่หมดในยุคนี้ รวมทั้งการทำให้องค์การอิสระอ่อนแอ ไม่มีประสิทธิผลในการตรวจสอบ โดยเฉพาะแหวนเพชรแทงตา นาฬิกาหรู เป็นต้น

การบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยการใช้อำนาจเขียนประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกับความจริง จะเป็นสิ่งชำรุดในทางประวัติศาสตร์ ที่อาจถูกลูกหลานในอนาคตนำไปวิพากษ์เยอะเย้ยถากถางผู้มีอำนาจในยุคนี้ได้ แม้ตามหลักการแล้ว ผู้ชนะคือ ผู้เขียนประวัติศาสตร์ แต่การเขียนก็ควรเคารพต่อความจริงร่วมกันด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กู้ภาพลักษณ์ของตนเองกลับมา ด้วยการสั่งให้ยุติการเผยแพร่ และให้ทำลายหนังสือดังกล่าว ที่ทำการแจกไปยังจังหวัดต่างๆ จังหวัดละ 100 เล่มลงเสียโดยพลัน เพื่อคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการเชียร์ใดๆ ทั้งสิ้น ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน