เมื่อวันที่ 19 เม.ย.เวลา 13.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน เสนอมาให้สนช. พิจารณา

สำหรับบุคคลที่ผ่านสรรหาให้ดำรงตำแหน่งกสทช.และให้สนช.ลงมติให้เหลือด้านละ 1 คน มีดังนี้1.ด้านกิจการกระจายเสียง จำนวน 2 คน ได้แก่ พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์ และนายธนกร ศรีสุขใส 2.ด้านกิจการโทรทัศน์ จำนวน 2 คน ได้แก่ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ 3.ด้านกิจการโทรคมนาคม จำนวน 2 คน ได้แก่ นายอธิคม ฤกษบุตร และนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ 4.ด้านวิศวกรรม จำนวน 2 คน ได้แก่ พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน 5.ด้านกฎหมาย จำนวน 2 คน ได้แก่ นายมนูภาน ยศธแสนย์ และ นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร 6.ด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวน 2 คน ได้แก่ ผศ.ภักดี มะนะเวศ และ นายณรงค์ เขียดเดช 7.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จำนวน 2 คน ได้แก่ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี และนายวรรณชัย สุวรรณกาญจน์

ทั้งนี้ภายหลังการประชุมลับนานประมาณ 5 ชั่วโมง นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช.และเลขานุการวิปสนช. ได้อภิปรายว่า จากการรับฟังรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. พบว่ามีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ รวม 8 คน ซึ่งอาจขัดกับมาตรา 7 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งกำหนดลักษณะต้องห้ามว่ากสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือก

นายสมชาย กล่าวว่า สนช.ได้รับบัญชีรายชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งกสทช.ในแต่ละด้านมาจำนวน 2 เท่าก็จริง แต่เมื่อพบว่ามีบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้าม จึงมีประเด็นว่าบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้นมีจำนวน 2 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้าสนช.ลงมติเลือกไปอาจมีปัญหาในทางกฎหมายได้ จึงขอให้สนช.ลงมติเพื่อไม่เลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหากลับไปแก้ไขข้อบกพร่อง ซึงเป็นไปตามมาตรา 17 วรรคสองของกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าถ้าสนช.ไม่สามารถเลือกกสทช.ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมต่อไป

ขณะที่นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช.อภิปรายแย้งว่า เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้เสนอบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. สนช.ก็ควรดำเนินการเลือกตามมาตรา 16 และมาตรา 17 ของพ.ร.บ.ดังกล่าว อีกทั้งสนช.ไม่มีหน้าที่ในการไปวินิจฉัยว่าใครมีคุณสมบัติครบหรือไม่ เพราะบัญชีารายชื่อที่สนช.ได้รับมานั้นได้ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้วชั้นหนึ่งจากคณะกรรมการสรรหา

นายตวง กล่าวว่า นอกจากนี้ สนช.จะใช้มติเพื่อยกเว้นการใช้พ.ร.บ.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่นฯไม่ได้ ซึ่งต่างจากการยกเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุมสนช.ที่สนช.สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ดังนั้น สนช.ต้องดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนสมาชิกสนช.คนใดคิดว่าบุคคลดังกล่าวไม่เหมาะสมกับตำแหน่งกสทช.ก็ใช้สิทธิในลงคะแนนในทางใดทางหนึ่งต่อไป

จากนั้นเป็นการลงมติ ว่าเห็นด้วยกับการไม่เลือกรายชื่อกสทช. ที่วุฒิสภาเสนอมาหรือไม่ โดยมติเห็นด้วยไม่เลือกรายชื่อที่เสนอมา 118 ไม่เห็น 25 งอออดเสียง 20 เสียง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน