กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยพันธมิตร กันตนา กรุ๊ป ร่วมสร้างมิติใหม่ให้วงการแฟชั่นไทย มุ่งพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพนักออกแบบผลิตภัณฑ์สู่สากลในรูปแบบ Academy จากโครงการ Thai Designer Academy จัดแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นพิเศษ จาก 15 ดีไซเนอร์ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย พร้อมประกาศผลผู้ชนะโครงการฯ 3 สุดยอดดีไซน์เนอร์ไทย ที่ผ่านการคัดสรรอย่างเข้มข้น พร้อมมอบโอกาส ไปศึกษาดูงาน ณ กรุงเบอร์ลิน ในประเทศเยอรมัน มุ่งยกระดับพัฒนาผลงานแบรนด์ไทยสู่ตลาดสากล ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทย

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยว่า “เป้าหมายของโครงการ Thai Designer Academy ได้มีความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพนักออกแบบไทยในรูปแบบ Academy คือการเป็นต้นแบบตัวอย่างของผู้นำเชิงสร้างสรรค์ เพื่อช่วยสนับสนุนและผลักดันดีไซเนอร์ไทย รวมไปถึงการสร้าง คลื่นลูกใหม่ให้มีโอกาสพัฒนาและต่อยอดในเชิงธุรกิจ ด้วยฝีมือและทักษะของนักออกแบบไทยที่มีความโดดเด่น รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้ผลงานออกมาเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ”

“โดยตลอดระยะเวลากิจกรรมทั้งหมดของโครงการจะประกอบไปด้วยกิจกรรมเวิร์คช็อป เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการลงมือปฏิบัติ ทั้งยังได้ดึงเหล่าผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นชื่อดัง อาทิ คุณพันธ์สิริ สิริเวชพันธ์ ช่างภาพมืออาชีพระดับแถวหน้า คุณบัญชา ชูดวง สไตล์ไดเร็กเตอร์อิสระและอาจารย์พิเศษ ด้านแฟชั่นดีไซน์ และคุณอิศร์ อุปอินทร์ สไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงและวิทยากรให้ดีไซเนอร์ ที่เข้าร่วมโครงการอย่างใกล้ชิด”

และในวันนี้โครงการ Thai Designer Academy ได้ดำเนินการมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วกับการ ประกาศผลผู้ชนะ 3 สุดยอดดีไซน์เนอร์ไทย ที่ผ่านการคัดสรรอย่างเข้มข้น โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และได้รับโอกาสในการเดินทางไปศึกษาดูงานแฟชั่นวีคระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่งาน Premium International Fashion Trade Show ณ กรุงเบอร์ลิน ในประเทศเยอรมัน เมื่อวันที่ 3 – 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พร้อมทดสอบตลาดต่างประเทศ เพื่อศึกษาแนวทางธุรกิจแฟชั่นสร้างแรงบันดาลใจให้สามารถขับเคลื่อนพลังแห่งความฝันก่อเป็นแนวคิด นำมาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ผลงานผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้มีความร่วมสมัย พร้อมยกระดับวงการอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ให้ทัดเทียมสากลได้แก่

  1. แบรนด์ The Parrot โดยคุณพิมสิริ นาคสวัสดิ์ (เพลิน) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมุมมอง ของนกแก้วที่ถ่ายทอดสิ่งที่มันมองเห็นขณะบินผ่านท้องน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ หรือ ที่เรียกว่า Lagoon ท้องน้ำเหล่านี้ มีการไล่จากบนฝั่งไปจนถึงใต้น้ำทำให้เกิดการเชื่อมต่อไร่เรียงของสีและวัสดุต่าง ๆ อาทิ ไล่จากน้ำตื้นไปน้ำลึก นอกจากนี้เพื่อให้คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์เอาไว้ จึงได้นำเส้นสายของ CONTOUR ซึ่งเป็นเส้นบอกระดับในทางสถาปัตยกรรมเข้ามาช่วยลดทอนรูปแบบอิสระ Free form ของธรรมชาติลงให้เข้าใจง่ายมากขึ้น และได้นำเส้นสายเหล่านี้มาแทนค่าในการออกแบบ เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวที่พลิ้วไหวเบาสบายสำหรับฤดูร้อน และมิติต่าง ๆที่มากขึ้นในตัวงานอีกด้วย
  2. แบรนด์ SALISA โดยคุณสริสา ชีวพันธ์ศรี (พริ้ม) จุดเด่นและแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นนี้คือเงาที่ติดตามและอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ซึ่งเงานั้นเปลี่ยนไปตามทิศทางของแสงและการเคลื่อนไหวของคน และวัตถุ การหักเหของแสงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ภาพที่เราเห็นซึ่งอาจจะเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นโดยไม่สามารถ คาดเดาได้
  3. แบรนด์MUNZAA โดยคุณอรุณลักษณ์ สูทสภา (ไอซ์-ม่วย) “ภูมิ” คือ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาทำเป็นเสื้อผ้า และหมายถึงความภาคภูมิใจในองค์ความรู้ของแผ่นดินไทย

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางโครงการ Thai Designer Academy หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาศักยภาพและผลักดันนักออกแบบไทย สร้างมิติใหม่ ๆ ให้ได้โชว์พลัง ความสามารถและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ให้เกิดการยอมรับในความสามารถ พร้อมสร้างสรรค์คลื่นลูกใหม่ประดับวงการแฟชั่นไทย จึงตั้งเป้าให้ทุกแบรนด์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีการเรียนรู้ทั้งในด้านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ Workshop Design Business การสร้างแบรนด์การตลาดออนไลน์ รวมไปถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ เพื่อให้มีความพร้อมกับการแข่งขันในระดับสากลและก้าวสู่เป้าหมายสูงสุด พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลกได้ในอนาคต” นายกอบชัย กล่าวปิดท้าย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน