เจดีเซ็นทรัล หรือ JD CENTRAL ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้ผู้นำอีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด พร้อมเสริมแกร่งด้วยระบบให้บริการโลจิสติกส์แบบครบครัน วางแผนขยายคลังสินค้ารวม 5 แห่งภายในปีนี้ เตรียมเสนอบริการจัดส่งภายในวันเดียวครอบคลุมลูกค้า 25 ล้านคนภายในปี 2562

กรุงเทพฯ 27 กันยายน 2561: เจดีเซ็นทรัล หรือ JD CENTRAL บริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีกระหว่าง บริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด และเจดีดอทคอม (JD.com) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเพิ่มจำนวนคลังสินค้ารวม 5 แห่งเพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ สร้างเสริมประสบการณ์ช้อปไร้ขีดจำกัดกับการการันตีแบรนด์สินค้าของแท้ส่งตรงถึงนักช้อปออนไลน์ พร้อมระบบโลจิสติกส์ครบวงจรจัดส่งถึงมือลูกค้า ก้าวขึ้นแท่นผู้นำค้าปลีกออนไลน์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากผู้บริโภค

มร. วินเซนต์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดีเซ็นทรัล เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเจดีเซ็นทรัลในการเป็นผู้นำค้าปลีกออนไลน์สมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ทั้งยังมีนโยบายรับรองสินค้าของแท้ 100% ทุกชิ้น ซึ่งสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าในการเลือกช้อปกับเจดีเซ็นทรัล บริษัทจึงมั่นใจที่จะเดินหน้าก้าวสู่เป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย

ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของเราสูงกว่าที่คาดถึง 15 เท่า ถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยกว่า 80% เข้าถึงแพลตฟอร์มของเราผ่านโทรศัพท์มือถือ และหลังจากเปิดให้บริการมาได้สามเดือน ปัจจุบันเราได้ร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรที่แข็งแกร่งหลากหลายแบรนด์ โดยสินค้าบนแพลตฟอร์มเจดีเซ็นทรัลมาจากแบรนด์และผู้ให้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรวบรวมหลากหลายแบรนด์คุณภาพและนำเสนอแต่สินค้าของแท้ในราคาที่ดีที่สุดสู่มือลูกค้า โดยหมวดหมู่สินค้าที่ได้รับความนิยมยังรวมไปถึง โทรศัพท์มือถือ อาหาร ของใช้ภายในบ้าน และแฟชั่น โดยยังมีความมุ่งมั่นในการเสาะหาสินค้าจากแบรนด์คุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มความต้องการสินค้าให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายมากขึ้น และสรรสร้างประสบการณ์การช้อปออนไลน์ที่สนุกสนานไร้กังวลได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินงานสู่การเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีคอมเมิร์ซ เจดีเซ็นทรัล มีแผนที่จะเสริมการให้บริการลูกค้าและเพิ่มความไว้วางใจผ่านการพัฒนาศักยภาพระบบโลจิสติกส์ เบื้องต้นมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนคลังสินค้าในประเทศไทยจากปัจจุบันที่มี 2 แห่ง ให้เป็น 5 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถจัดการสต็อกและรองรับคำสั่งซื้อสินค้าที่เจดีเซ็นทรัลเป็นผู้จำหน่ายเอง (Direct Sales) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้จะให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียว (Same Day Delivery)ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียวครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือคิดเป็นลูกค้ากว่า 25 ล้านคนได้ภายในปี 2562 ด้านการจัดส่งสินค้าแบบมาร์เก็ตเพลซ (Market Place) ที่จำหน่ายสินค้าของแท้โดยร้านค้าออฟฟิเชียลต่างๆ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มของเจดีเซ็นทรัลในการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้า ทางบริษัทจะคัดเลือกและกำหนดผู้ให้บริการด้านการจัดส่งที่ร้านค้าใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการบริการด้านการจัดส่งที่ดีที่สุด

ในขณะเดียวกัน เจดีเซ็นทรัลยังมีแผนนำเทคโนโลยีอีโลจิสติกส์อันทันสมัยมาใช้ในการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์อัจฉริยะจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Warehouse Robots) ที่ช่วยทุ่นแรงมนุษย์และลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก สร้างประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพื้นที่ในคลังสินค้าได้ถึง 500% หรือยานยนต์ส่งสินค้าไร้คนขับ (Autonomous Delivery Vehicle) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมแบบเมืองที่มีความหนาแน่นสูง สามารถรับสินค้า ณ สถานีจัดส่ง และเดินทางนำไปส่ง ณ จุดรับสินค้าตามที่กำหนดได้โดยอัตโนมัติ เหล่านี้คือนวัตกรรมด้านอีโลจิสติกส์จากเจดีเซ็นทรัลที่ผสานเทคโนโลยี Big Data และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีแผนที่จะนำมาเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดสอบใช้ในประเทศไทยผ่านโปรแกรมนำร่องในปี 2562

มร. วินเซนต์ กล่าวต่อว่า “นอกจากกลยุทธ์การตลาดและประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เรายังได้จัดทำแคมเปญพิเศษต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผ่านการผนึกกำลังระหว่างเจดีเซ็นทรัลและแบรนด์พันธมิตรชั้นนำกว่า 80 แบรนด์ ที่ร่วมยินดีกับกับเจดีเซ็นทรัล ผ่านคลิปวิดีโอจากผู้บริหารระดับสูงของแต่ละแบรนด์ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนระหว่างเราและแบรนด์พันธมิตร”

ทั้งนี้ เตรียมเพลิดเพลินกับการช้อปสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ไปกับเจดีเซ็นทรัล โดยพบกับโปรโมชั่นและแคมเปญเฉลิมฉลองการเปิดตัวเจดีเซ็นทรัลอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 28 – 30 กันยายน 2561 ไม่ว่าจะเป็น

  • Super Deals ลดราคาสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 80 แบรนด์ สูงสุดถึง 80%
  • Super Coupon ลดเพิ่ม 28% สูงสุดถึง 500 บาท

นอกจากนี้ พบกับสุดยอดส่วนลดมากมายในวัน Super Brand Day ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 ตุลาคม 2561 กับดีลพิเศษประจำวันจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ JD.CO.TH หรือ JD CENTRAL Facebook Page

สำหรับ เจดีเซ็นทรัล (JD CENTRAL) มุ่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100 % จากแบรนด์ชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลกในราคาที่ดีที่สุด รวมไปถึงระบบจัดการสินค้าและการจัดส่งระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมกับการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์อย่างยอดเยี่ยม โดยมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจออนไลน์และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย

เกี่ยวกับเจดีเซ็นทรัล

เจดีเซ็นทรัล คือบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีกอย่างบริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด และเจดีดอทคอม (JD.com) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ที่มุ่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100% จากแบรนด์ชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลกในราคาที่ดีที่สุด รวมไปถึงระบบจัดการสินค้าและการจัดส่งระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมกับการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์อย่างยอดเยี่ยม โดยมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจออนไลน์และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย เจดีเซ็นทรัลพร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุกสนานและมั่นใจไร้กังวลให้กับทุกคน และมุ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทยในตลาดโลก และจะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับโครงสร้างด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาตรฐานโลก พร้อมส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน