ไปรษณีย์ไทย ชูบริการ‘ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น’-ขยายเวลาให้บริการ 24 ชั่วโมง 365 วัน

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพิ่มศักยภาพการขนส่งให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ด้วยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศ “ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น” พร้อมทั้งขยายเวลาการให้บริการเป็น “ไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 365 วัน” ตอบโจทย์ตลาดอีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมจัดหนักอย่างต่อเนื่องกับแคมเปญ “EMS ท้าส่ง” ที่ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี มอบส่วนลดค่าฝากส่งให้กับผู้ใช้บริการ COD ผ่านระบบ Wallet@Post สูงสุดกว่า 70% สำหรับสิ่งของพิกัดน้ำหนักเกิน 500 กรัม ถึงน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค.2562

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย มีความมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการเสมอมา โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้บริการต้องการที่จะส่งสิ่งของให้ถึงปลายทางด้วยความรวดเร็ว ไปรษณีย์ไทยจึงได้ยกระดับคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศให้มีความรวดเร็วกว่าเดิมด้วยบริการ ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี หากส่งภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใน 10.30 น. หรือ 11.00 น. (ตรวจสอบได้ ณ ไปรษณีย์ที่ฝากส่ง) ของจะถึงมือผู้รับปลายทางภายในวันเดียวกันไม่เกิน 18.00 น. หากส่งจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในเวลา 17.00 น. ของจะถึงมือผู้รับปลายทางทั่วประเทศในวันถัดไป และส่งจากภูมิภาคถึงปลายทางกรุงเทพฯ และปริมณฑล ของจะถึงมือผู้รับปลายทางในวันถัดไป


นอกจากการเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังขยายเวลาให้บริการถึง 23.00 น. ที่ไปรษณีย์สามเสนใน ไปรษณีย์สำเหร่ ไปรษณีย์จรเข้บัว ไปรษณีย์นนทบุรี และพิเศษกับ “ไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 365 วัน” ที่เปิดให้บริการฝากส่งไม่มีวันหยุด ที่ไปรษณีย์เดอะสตรีท รัชดา ไปรษณีย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และศูนย์ไปรษณีย์ EMS หลักสี่ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี


“ปัจจุบันมีปริมาณชิ้นงานที่ผ่านเข้าสู่ระบบไปรษณีย์กว่า 8,000,000 ชิ้นต่อวัน ผ่านไปรษณีย์กว่า 10,000 จุดให้บริการทั่วประเทศ ไปรษณีย์ไทยจึงไม่หยุดในการพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากบริการที่พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว ล่าสุดไปรษณีย์ไทยยังจัดแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อพ่อค้า แม่ค้าอีคอมเมิร์ซไทย โดยขยายเวลามอบส่วนลดค่าฝากส่งสูงสุดกว่า 70% สำหรับผู้ใช้บริการส่งสิ่งของแบบเก็บเงินปลายทาง หรือ COD ผ่านระบบ Wallet@Post ตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค.2562 โดยสิ่งของที่ฝากส่งที่มีพิกัดน้ำหนักเกิน 500 กรัม-2 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 55 บาท ส่วนน้ำหนักพิกัด เกิน 2-7 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 80 บาท และน้ำหนักพิกัดเกิน 7-10 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 100 บาท และยังจะมีโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ อีกสำหรับลูกค้าของไปรษณีย์ไทย ขอให้รอติดตามต่อไป เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำขนส่งโลจิสติกส์อันดับหนึ่งในใจคนไทยคนไทยตลอดไป”นางสมร กล่าว


สอบถามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.thailandpost.co.th หรือ และสอบถามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ THP Contact Center 1545

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน