“จักรยานขาไถ” หรือ Balance Bike กำลังเป็นที่นิยมในหมู่เด็กอย่างกว้างขวาง สะท้อนได้จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด สำหรับงาน “Super Balance Thailand 2022” ครั้งแรกของการแข่งขันจักรยานขาไถรุ่นจิ๋วระดับประเทศ โดยสนามลู่ปั่นจักรยาน “เจริญสุขมงคลจิต” ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย ปลูกฝังให้เด็กมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เกิดทักษะ สร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ สร้างเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่สร้างความผูกพันอันดีของครอบครัว ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คน และมีนักปั่นตัวจิ๋วลงสนามแข่งขันถึง 430 คน ณ สนามลู่ปั่นจักรยาน “เจริญสุขมงคลจิต” บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้จัดไปเมื่อวันที่ 19-20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประธานในพิธีเปิดงาน “Super Balance Thailand 2022” กล่าวว่า จักรยานขาไถ เป็นกิจกรรมที่เริ่มต้นที่ฝึกให้เด็กมีการทรงตัว มีปฏิภาณไหวพริบ มีความคล่องตัว ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และมีสุขภาพแข็งแรง รวมทั้งยังเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขให้กับครอบครัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าในต่างประเทศนั้นให้ความสำคัญกับสนามจักรยานสำหรับเด็กด้วย โดยสนามลู่ปั่นจักรยาน “เจริญสุขมงคลจิต” ที่เกิดจากความร่วมมือของธนาคารไทยพาณิชย์ และท่าอากาศยานไทย รวมถึงองค์กรพันธมิตร เดิมก็มีความตั้งใจให้เป็นพื้นที่ปั่นจักรยานสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เมื่อเปิดให้บริการได้ระยะหนึ่งก็มองว่าควรมีพื้นที่ให้กับเด็กๆ ด้วย จึงเริ่มจากสนามจักรยานเด็กโตอายุ 4-12ปี ขึ้นมาก่อน และได้มองเห็นว่าควรจะมีเพิ่มพื้นที่สำหรับเด็กเล็กช่วงอายุ 5 ปี ซึ่งกำลังเป็นช่วงวัยที่กำลังหัดเดิน หัดทรงตัว จึงได้เกิดความคิดว่าน่าจะต้องมีสนามจักรยานขาไถเกิดขึ้น

“สนามลู่ปั่นจักรยาน “เจริญสุขมงคลจิต” ปัจจุบันได้สร้างเพิ่มเติมมีสนามให้เด็กสามารถเข้ามาเลือกเล่นได้ 3 ระดับมีความยากแตกต่างกันไป ถูกออกแบบมาสำหรับจักรยานโดยแท้จริง มีความทันสมัยและดีที่สุดของภูมิภาค ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ที่ได้มุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน โดยมองว่าสนามลู่ปั่นจักรยานแห่งนี้มีความสำคัญกับประเทศ และเป็นเรื่องของความยั่งยืน เพราะทุกคนเข้ามาใช้บริการได้ฟรี มีความครบวงจร กลายเป็นพื้นที่ให้ครอบครัวเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงวัย ช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ส่วนการจัดงานแข่งขันจักรยานขาไถรุ่นจิ๋ว มองว่าจะสร้างแรงผลักดันให้เด็กเป็นนักกีฬาในอนาคตได้” ดร.วิชิต กล่าว

คุณแม่วิยะวรรณ แพรสมบูรณ์ คุณแม่ของน้องญาญ่า หรือด.ญ.ญาณิน แพรสมบูรณ์ นักแข่งจักรยานขาไถวัย 4 ขวบกว่า สะท้อนให้ฟังว่า จักรยานขาไถเป็นกีฬาเบื้องต้นของเด็กปฐมวัยที่ฝึกได้ตั้งแต่ 1 ขวบ แม้จะดูน่าเป็นห่วง เพราะจักรยานอาจจะเกี่ยวกัน หรือล้มบ้าง แต่ถือเป็นการฝึกให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง รู้จักลุกเองเมื่อล้ม ที่สำคัญช่วยฝึกความแข็งแกร่งและพัฒนากล้ามเนื้อของเด็ก ซึ่งเป็นประโยชน์กับเด็กมาก ทำให้พ่อแม่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของอุปกรณ์ป้องกัน และสอนทักษะต่าง ๆ เริ่มจากสอนให้คุ้นเคยกับจักรยาน วิธีการทรงตัว การไถ และการเลี้ยวโค้ง โดยสิ่งที่คาดหวังในเบื้องต้นคือ อยากให้ลูกมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย ห่างจากหน้าจอ ป้องกันการติดเกม และในอนาคตอาจต่อยอดไปสู่กีฬาอื่น ๆ ได้ เพราะร่างกายมีความพร้อม

“เราเห็นพัฒนาการของลูกหลังเล่นจักรยานขาไถคือ เวลาล้มไม่ร้อง สามารถลุกขึ้นเองได้ มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น ดูแลตัวเองได้เก่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกันในระดับหนึ่ง ยิ่งได้ลงแข่งขันบ่อย ๆ จะเข้าใจว่ากีฬามีแพ้มีชนะ ซึ่งทุกครั้งที่แพ้เราก็จะสอนให้ลูกมองหาจุดอ่อน เพื่อจะได้ปรับปรุงในจุดนั้น นอกจากนี้ ยังทำให้ครอบครัวมีเวลาคุณภาพจากการมีกิจกรรมนอกบ้านร่วมกัน ดีกว่าต่างคนต่างนั่งมองจอมือถือ หรือเล่นเกม ช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์ให้ครอบครัวได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้ทุกคนมีสังคมและเพื่อนใหม่ ๆ อีกด้วย ซึ่งมองว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อครอบครัวโดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ และยังเป็นการพัฒนาทางร่างกาย กล้ามเนื้อ และสมองให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี” น.ส.วิยะวรรณ กล่าว

ด้าน น.ส. เมษยา ขำดี คุณแม่ของน้องกัปตัน หรือ ด.ช. นฤเศร์ ผู้ชนะเลิศที่ 1 รุ่นอายุ 1.8-2 ปี บอกว่า จักรยานขาไถเป็นกีฬาที่เด็กเล็กสามารถเล่นได้ ซึ่งจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อที่เป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการทางร่างกาย โดยน้องกัปตันชอบขี่จักรยานอยู่แล้ว คุณแม่เห็นแววจึงลองพามาที่สนามจริงให้ได้เล่นกับเด็กในวัยใกล้เคียงกัน คาดว่าน่าจะเป็นแรงบันดาลให้น้องอยากเล่นตาม และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเล่นกีฬาก็มีส่วนสำคัญในการสร้างแรงจูงใจให้น้องได้เรียนรู้จนเกิดความชอบ ส่วนเรื่องการแข่งขันก็เหมือนไปเล่นกับเพื่อน แต่จะทำความเข้าใจกับน้องในเรื่องกติกา และมีการหลอกล่อให้รีบไถให้เร็วที่สุด จะได้นำเพื่อนให้ตามมาอย่างถูกทาง หรือถ้าแพ้ก็บอกว่าเราไปต่อไม่ได้ ชวนกลับไปเล่นที่บ้าน ซึ่งเมื่อลงแข่งหลาย ๆ ครั้งน้องก็เริ่มเรียนรู้กติกา ถือเป็นการเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเรียน

“ผลพลอยได้จากกีฬาจักรยานขาไถ นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว หัวใจสำคัญคือ เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับกติกาในสังคม ความมีน้ำใจกับเพื่อน ซึ่งสังเกตได้จากเวลาเพื่อนล้ม แม้จะเข้าไปช่วยไม่ได้เพราะยังเด็ก แต่น้องจะมองดูรอบ ๆ ว่ามีใครช่วยเพื่อนได้หรือไม่ เป็นการฝึกเรื่องการรู้จักสังเกตด้วย อยากฝากถึงครอบครัวอื่น ๆ ว่ายุคนี้ที่มีสิ่งล่อตาล่อใจเด็กเยอะมาก โดยเฉพาะมือถือ ที่กำลังเป็นปัญหาสังคมก้มหน้า การส่งเสริมให้ลูก

มาเล่นกีฬา เชื่อว่าจะส่งผลดีแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กได้เรียนรู้การเข้าสังคม และได้เห็นโลกทีกว้างขึ้นมากกว่าอยู่กับมือถือ ซึ่งข้อดีที่สุดคือส่งผลต่อพัฒนาการของร่างกายเด็ก”

สอดคล้องกับความเห็นของ น.ส. นิตยา ฉอสันเทียะ คุณแม่น้องนาวา หรือด.ช. ธนาตุล ฉอสันเทียะ ในวัย 3 ขวบ 4 เดือน ที่บอกว่า น้องนาวาเริ่มเล่นจักรยานขาไถตอนอายุ 3 ขวบ เพราะอยากให้ลูกออกกำลังกาย กล้าแสดงออก และรู้จักสังคม ซึ่งพัฒนาการที่ได้คือ น้องชอบเล่นกับเพื่อนมากขึ้นเลิกติดพ่อแม่ มีความมั่นใจ และกล้าตัดสินใจ โดยหลังจากได้ลงแข่งขันมา 7-8 สนาม ทำให้น้องมีเป้าหมายมากขึ้น จากเดิมที่ไถเล่นสนุก ๆ ก็จะเริ่มใส่ใจว่าต้องไถให้เร็ว เวลาเลี้ยวต้องใช้เทคนิคแบบไหน และหลังจากได้คุยกับครอบครัวที่พาลูกมาแข่ง รวมถึงสังเกตพฤติกรรมเด็กอื่น ๆ ก็ตัดสินใจพาน้องไปเรียนกับโค้ชอย่างจริงจัง เนื่องจากมองว่ากีฬาอื่น ๆ ยังมีโค้ช เพื่อให้ได้เทคนิคเพิ่มแข่งขันจักรยานก็ต้องมีเช่นกัน

“การเล่นจักรยานขาไถ เด็กจะได้ประโยชน์เรื่องการสร้างกล้ามเนื้อ และไหวพริบ เพราะในสนามเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งการล้มเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กไม่อันตราย แต่จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อม เมื่อก่อนเวลาล้มน้องก็ร้องไห้เพราะตกใจไม่ใช่บาดเจ็บ แต่ตอนนี้ไม่ร้อง จะลุกขึ้นหยิบรถไถเข้าเส้นชัยได้ แค่นี้ก็ดีแล้วถือว่าชนะตัวเอง เมื่อแพ้ก็ไม่เสียใจ เพราะน้องแค่อยากมาเล่นสนุกกับเพื่อน เราสอนลูกให้ทำดีที่สุดในแบบของเรา ชี้ให้เห็นว่าที่ไม่ชนะ เพราะมีคนอื่นทำได้ดีกว่า ซึ่งไม่เป็นไร แม่แค่อยากเห็นลูกพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ โดยกิจกรรมนี้ทำให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และได้สังคม รวมถึงแนวคิดใหม่ ๆ จากครอบครัวอื่นด้วย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน