นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากข้อกังวลของสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา (PBTA) ในเรื่องการขาดแคลนแรงงานแม่บ้าน คนทำความสะอาด เนื่องจากคนไทยไม่ทำ และปัจจุบันจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างชาติทดแทน จึงเสนอให้พิจารณางานที่ห้ามคนต่างชาติทำใหม่อีกครั้งนั้น กรมการจัดหางานขอชี้แจงว่า กรมการจัดหางานได้กำหนดหลักเกณฑ์การนำคนต่างชาติมาทำงานกับนายจ้างในประเทศและการทำงานของคนต่างชาติ โดยจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพเท่าที่จำเป็น เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบการมีแรงงานเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจการ โดยไม่ให้เกิดการแย่งอาชีพคนไทย ซึ่งงานแม่บ้าน ทำความสะอาด ถือเป็นงานกรรมกรตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ บัญชีที่ 4 ซึ่งมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงานนั้นได้ก็แต่เฉพาะงานที่มีนายจ้างและได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานตาม MoU จำนวน 2 งาน ได้แก่ งานกรรมกร และงานขายของหน้าร้าน ดังนั้นนายจ้าง สถานประกอบการที่ประสงค์จ้างแรงงานข้ามชาติทำงานดังกล่าว สามารถจ้างแรงงานที่เข้ามาทำงานตาม MOU โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวต่างชาติที่เข้ามาเปิดร้านอาหาร ร้านพลอย หรือเป็นผู้ลงทุนแล้วจ้างคนไทยเปิดกิจการ นั้น กรม ฯ ขอยืนยันว่า ไม่สามารถทำได้ โดยคนต่างชาติที่จะเป็นเจ้าของกิจการต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเงื่อนไขและหลักเกณฑ์เป็นไปตามพรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และจะต้องมีใบประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงงาน โรงแรม เป็นต้น และหากจ้างคนไทยให้ทำสัญญาแทนก็ไม่สามารถทำได้ โดยทั้งผู้ว่าจ้างและบุคคลที่รับจ้างจะมีความผิดตามพรบ.เดียวกัน

กรมการจัดหางาน มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับคนต่างชาติที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และคนต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทยอย่างเข้มงวดโดย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีการตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการแล้ว จำนวน 10,174 แห่ง ดำเนินคดี 360 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 156,471 คน ดำเนินคดี 808 คน ในจำนวนนี้เป็นคนต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย จำนวน 435 คน ซึ่งอาชีพห้ามที่พบแรงงานต่างด้าวทำงานมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานนวดไทย และงานขับขี่ยานพาหนะ ตามลำดับ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน