สสส.งานดีแจงรายงานประจำปี 2565 ต่อสภาฯ สส.ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาลแห่อภิปราย 30 คน ยกเป็นองค์กรรากฐานการสร้างเสริมสุขภาพ หนุนต่อยอดการทำงานให้คนไทยมีสุขภาพดีทั่วหน้า มั่นใจการทำงานช่วยสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับประเทศไทยได้อย่างมั่นคงยั่งยืน

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ได้มีการพิจารณารายงานประจำปี 2565 ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 โดยมี ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. และคณะผู้บริหารเป็นผู้ชี้แจง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ร่วมอภิปรายและเสนอแนวทางการทำงานเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพแก่ สสส. รวม 30 คน

น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สสส. เป็นฐานที่มั่นในการสร้างเสริมสุขภาวะของสังคมไทย ชื่นชม สสส. และภาคีเครือข่ายผู้ตื่นรู้ทางสุขภาพทุกคน แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้นและมีความเข้าใจเทคโนโลยี จึงเสนอให้เพิ่มสัดส่วนคณะทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่และพิจารณาปัญหาสุขภาพร่วมสมัย ทำให้บุคลากรในแวดวงสุขภาพมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทำงานอย่างมีความสุขและให้ความสำคัญกับการบรรเทาความทุกข์ทางสังคม สุขภาพจิต รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ควรมองเฉพาะมิติด้านสุขภาพกาย แต่ต้องส่งเสริมการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อกับผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง โดยส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วม

นางฐิติมา ฉายแสง สส.จ.ฉะเชิงเทรา เขต 1พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า อ่านรายงานประจำปี 2565 ของ สสส. ทั้งเล่ม ชื่นชมการทำงานที่มีกิจกรรมครอบคลุมมิติสุขภาพจำนวนมาก สร้างการมีส่วนร่วมให้คนไทยได้ช่วยกันสร้างเสริมสุขภาพทุกเรื่อง ทั้งทางม้าลาย สร้างอาชีพคนพิการ สร้างเสริมพัฒนาการเด็กและอื่น ๆ แต่ตั้งข้อสังเกตการป้องกันและแก้ปัญหาประเด็นสิ่งแวดล้อม ที่ยังพบปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตร การทิ้งขยะอุตสาหกรรม การใช้ยาฆ่าแมลงกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจาก สสส. ทำงานหลายเรื่องเกินไป เสนอแนะให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วย และเสียชีวิตในแต่ละปีสูงมากเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูง

นายคอซีย์ มามุ สส.จ.ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า อยากให้ สสส.เพิ่มการทำงานระดับพื้นที่ โดยเชื่อมงานกับแผนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ผ่านมาโครงการดี ๆที่ สสส. ทำไว้แต่ไม่มีเจ้าภาพร่วมทำงานต่อ และอยากให้ สสส. แก้ปัญหายาเสพติดมากว่าบุหรี่ เพราะมียาเสพติดอื่นที่มีภัยร้ายแรงมากกว่า จึงควรนำภาษีบาปมาใช้ป้องกันและแก้ปัญหาสิ่งเสพติดในชุมชนด้วย นอกจากนี้ อยากให้สสส. สร้างความรู้เรื่องสุขภาวะที่ดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมในพื้นที่ด้วย

นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.จ.พัทลุง เขต 3พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สสส. เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญทำให้คนมีสุขภาพดีขึ้นอย่างถ้วนหน้าปัจจุบันคนไทยเผชิญปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) สสส. สามารถร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ป้องกันที่สาเหตุ แต่ก็มี 5ความท้าทายต่อการทำงานสร้างเสริมสุขภาพ1. แม้อัตราการสูบบุหรี่ลดลง แต่เด็กและเยาวชนมีการสูบมากขึ้น และประชาชนไปสูบอย่างอื่น เช่น บุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่เถื่อน จะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร ทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม 2.แนวโน้มการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง แต่คนที่เป็นมะเร็งตับ ตับแข็ง เส้นเลือดในสมองแตก มีมากขึ้น 3.เสนอแนะให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมลพิษทางอากาศมากขึ้น 4.อุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน มีผู้เสียชีวิตราว 20,000คน/ปี ควรให้ความสำคัญเรื่องนี้ต่อไป 5. ปัญหาอื่น ๆ อาทิ กระท่อม กัญชา ออฟฟิศซินโดรม สุขภาพจิต ผู้สูงอายุ อยากให้ สสส. เพิ่มเติมเป้าหมายให้สอดรับกับประเด็นท้าทายเหล่านี้ด้วย

นางพรรณสิริ กุลนาถศิริสส.สุโขทัย เขต 1 พรรคเพื่อไทยกล่าวชื่นชมการทำงานของ สสส. ในการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)เกิดผลงานขึ้นมากมายโดยเฉพาะการลดความเสี่ยง NCDs ลดหวานมันเค็ม มีการสนับสนุนงบประมาณให้กับภาคีรายใหม่ มากกว่า 2,400 โครงการ ซึ่งควรมีการต่อยอดไม่ทอดทิ้งโครงการเดิมที่ได้ลงทุนไปแล้ว ขณะที่การออกกฎหมายต่าง ๆ เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ขอให้คำนึงถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้วยและหวังว่าจะได้เห็นผลงานดีๆ ของ สสส. ในปีต่อๆ ไป

นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. เขต 3 ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า จากการประเมินผล ทั้งด้านการทำงานและธรรมาภิบาลสะท้อนว่า สสส. ทำงานอย่างมีคุณภาพในการเป็นโซ่ข้อกลางสานพลังภาคส่วนต่าง ๆนำเงินภาษีบาปมาสร้างกลไกส่งเสริมสุขภาพประชาชนตามพันธกิจได้อย่างดี พร้อมฝากหาแนวทางร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ แก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนำเรียนต่ำกว่า 70 คน จำนวนกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ

ผู้จัดการกองทุน สสส.ชี้แจงในตอนท้ายว่า บทบาท สสส. คือ สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยหนุนกลไกนโยบาย การปรับสิ่งแวดล้อมการสร้างความเข้มแข็งชุมชน กระตุ้นความรอบรู้ และปรับเปลี่ยนระบบบริการให้สร้างนำซ่อมส่วนการลดปัญหาNCDs เน้นแก้ปัญหาที่ปัจจัยเสี่ยงต้นเหตุ เช่นส่งเสริมการออกกำลังกาย ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ กินอาหารสมดุล เพราะหากเน้นรักษาผู้ป่วยจะต้องรักษาต่อเนื่องยาวนาน ส่วนการทำงานไม่กระจัดกระจายแต่มีธงที่ยึดโยงกับแผนระยะ 10 ปี ครอบคลุมเป้าหมายยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ได้แก่ 1.ยาสูบ 2.แอลกอฮอล์และยาเสพติด 3.อาหาร 4.กิจกรรมทางกาย 5.ความปลอดภัยทางถนน 6.สุขภาพจิต 7.มลพิษจากสิ่งแวดล้อม เป้าหมายทั้งหมด จะเชื่อมถึงการลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ ให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงโดยมีกลไกกำกับติดตามประเมินผลเข้มข้น นำโดยคณะกรรมการประเมินผลที่แต่งตั้งดดยครม.ตามการเสนอของกระทรวงการคลัง และจะรวบรวมข้อเสนอแนะจาก สส ในวันนี้ไปพัฒนาการดำเนินงานของ สสส ในปีต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน