• ททท.ภาคเหนือชวนเที่ยวฤดูหนาว ต.ค.-ธ.ค.66 ตลุยชมชาบนดอย ชิมกาแฟชุมชน เพลินตากับนาขั้นบันได และสัมผัสทะเลหมอกสวย ๆ
  • นำ The Link กระตุ้นเที่ยวข้ามภาคสำเร็จแล้ว 3 คู่ 3 เส้นทาง 6 จังหวัด 1.รอยัลรูท :เชียงใหม่-เพชรบุรี 2.โลว์คาร์บอน : น่าน-ตราด 3.เมืองผ้าพื้นเมือง : แพร่-ประจวบคีรีขันธ์
  • 7เดือนแรกปี’66อู้ฟู่โกย1.08 แสนล้านบาท ไทยเที่ยวเหนือ 20 ล้านคน ใช้เงิน 85,000 ล้านบาท

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือต้อนรับฤดูเดินทางไฮซีซัน 2566 เริ่มเดือน “ตุลาคม” นำเสนอท่องเที่ยวงานประเพณีเกี่ยวกับศาสนารองรับนักเดินทางสายศรัทธาในจังหวัดหลัก “อุ้มพระดำน้ำ” จ.เพชรบูรณ์ สลากย้อม จ.ลำพูน ต่อด้วย “พฤศจิกายน” เทศกาลประเพณีลอยกระทง งานลอยโคมยี่เป็ง จ.เชียงใหม่ กระทงสาย จ.ตาก เล่นเทียนเผาไฟ อุทยานประวัติสุโขทัย จ.สุโขทัย เดือน “ธันวาคม” จะลุยส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวซอฟท์เพาเวอร์ การแสดงศิลปะหลายพื้นที่ด้วยกัน เริ่มต้นด้วย ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย2566 (Thailand Biennale, Chaing Rai 2023) ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 -30 เมษายน 2567 นำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันโดดเด่นมาเป็นร้อยเรียงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ช่วงปลายปี จะมีงาน เชียงใหม่ ดีไซน์ วีค (Chaingmai Design Week 2023) โดยไม่นับรวมงานเทศกาลดอกไม้เมืองหนาวทั้งในเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และงานทะเลหมอก แพร่ น่าน

พร้อมทั้งแนะนำ “เส้นทางการท่องเที่ยวภาคเหนือ” ต้อนรับปลายฝนต้นหนาว เริ่มปลายเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะเปิดจุดขาย 4 เส้นทง ประกอบด้วย

เส้นทางที่ 1 ท่องเที่ยวชาบนดอย ที่ดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชา หรือ Tea Tourism สามารถไปเรียนรู้วิถีชาของดอยปู่หมื่นได้รับรางวัล TAT STAR ด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เส้นทางที่ 2 ท่องเที่ยวกาแฟชุมชน นำร่องในวิสาหกิจชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน เป็นแหล่งปลูกกาแฟอินทรีย์ตามแนวป่าที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทยปี 2566 และกาแฟดอยช้าง จ.เชียงราย เป็นอีกจุดหมายปลายทางแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อทุกร้านมีวิวทิวทัศน์สวยงาม แล้วยังมีฟาร์มแกะอยู่ท่ามกลางหุบเขาสลับซ้อนสวยงามเทียบชั้นได้กับสวิตเซอร์แลนด์ ตามมาด้วย “ดอยปางขอน” อ.เมือง จ.เชียงราย ชมเป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าและพื้นที่ปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียง “บ้านห้วยห้อม” อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน สถานที่ท่องเที่ยวชิล ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งจิบกาแฟ และในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ ยังมี Café Hoping ให้นั่งฟินได้เช่นกัน

เส้นทางที่ 3 สัมผัสธรรมชาติเขียวขจีของทุ่งนาขั้นบันได พื้นที่ยอดนิยม ได้แก่ 1.นาขั้นบันไดป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 2.นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 3.นาขั้นไดแม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน 4.นาขั้นบันไดบ้านลิไข่ จ.เชียงราย แต่ละแห่งล้วนมีความสวยงามทั้งในช่วงเขียวและออกรวงสีทอง ต่อเนื่องไปจนถึง อ.ปัว อ.บ่อเกลือ อ.สะปัน จ.น่าน

เส้นทางที่ 4 เที่ยวทะเลหมอก ขณะนี้มีพื้นที่ใหม่ 1.จุดชมวิวดอยดำ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ 2.อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในเร็ว ๆ นี้ ททท.จะเร่งนำเสนอเที่ยวทะเลหมอกยอดนิยมให้ครบทั้ง 10 แห่ง

ผอ.ภัทรอนงค์ กล่าวว่า ททท.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยใช้เวทีการประกวดรางวัลอุตสาหกรมท่องเที่ยวไทย ประจำปี 2566 เพิ่งจะประกาศรายชื่อผู้ประกอบการสาขาต่าง ๆ ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ซึ่งปีนี้มีความพิเศษที่ ททท.ได้เพิ่มรางวัลพิเศษอีก “การจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบ” ซึ่งมีผู้ประกอบการที่พักโรงแรม รีสอร์ต เสนอชื่อเข้ามาด้วย รวมทั้งจัดทำ TAT STAR การท่องเที่ยว STGs :Sustainable Tourism Goals สามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืนให้กับนักท่องเที่ยวได้ โดยได้เปิดให้ผู้ประกอบการประเมินตนเองแล้ว ททท.จะเข้าไปมอบเป็นมาตรฐานดาว มีตั้งแต่ 3-4-5 ดาว

เบื้องต้นนำร่องแจกมาตรฐาน TAT STAR ปีแรกแล้ว ภาคเหนือมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ สมัครเข้าร่วม 12 ราย แบ่งเป็น นันทนาการ 4 ราย ที่พักโฮมสเตย์ 7 ราย ร้านอาหาร 1 ราย ผนวกกับที่ได้รางวัลกินรีด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงทำให้มีผู้ประกอบการเป็นจุดตั้งต้นในภาคเหนือแล้วกว่า 30 ราย นำไปสู่การพัฒนายกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ต่อไป

รวมทั้ง ททท.มุ่งขยายผลโครงการ The Link เชื่อมต่อกับท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างเครือข่ายทั้งระดับภายในประเทศ หรือ The Link Local to Local แลกเปลี่ยนนำสิ่งที่ดี ๆ มาปรับใช้คู่กับการเชื่อมเครือข่ายระหว่างในประเทศกับต่างประเทศ หรือ The Link Local to Global เป็นอีกช่องทางจะเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพ

ขณะนี้ ททท.ภาคเหนือจัดทำ The Link ภายในประเทศโดยมีจุดขายโดดเด่น 3 เส้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่

1.Royal Route เชียงใหม่-เพชรบุรี ทางเชียงใหม่มีเส้นทางท่องเที่ยวพระชายาดารารัศมี จัดกิจกรรมล่องเรือหรือภิรมย์นาวา ชวนแต่งกายย้อนยุคหรือภิรมย์ภูษา ส่วนเพชรบุรีมีพระราชวังสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมสถาปัตยกรรมสวยงามและเส้นทางเสด็จ ได้ลงพื้นที่สำรวจสินค้าแล้วจากนั้นก็แลกเปลี่ยนการขายระหว่างกัน

2.เส้นทางคราฟท์ & คราม แพร่-ประจวบคีรีขันธ์ ทางจังหวัดแพร่มีผ้าม่อฮ่อมย้อมครามโด่งดัง ส่วนประจวบคีรีขันธ์มีผ้าโขมพัสตร์ขึ้นชื่อ ร่วมกันสร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้วยการดีไซน์นำผ้าย้อมครามมาเขียนลายผ้าโขมพัสตร์ แล้วจัดเป็นแฟชั่นโชว์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน

3.ท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน น่าน-ตราด ในพื้นที่ท่องเที่ยวเกาะหมาก จ.ตราดมีชื่อเสียงเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เช่นเดียวกับน่านก็ทำท่องเที่ยวในลักษณะเดียวกัน จึงได้แลกเปลี่ยนนำนักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่ได้เห็นทั้งการบริหารจัดการสินค้าอย่างยั่งยืนแล้ว ยังจะได้แลกเปลี่ยนวิธีการ ประการสำคัญ ททท.จะทำงานได้ง่ายมากขึ้น ในการส่งเสริมตลาดเพื่อให้บริษัทจัดการท่องเที่ยว (DMC) นำไปผลิตโปรแกรมวางขายได้ด้วย

ผอ.ภัทรอนงค์ กล่าวว่า เชิญชวนเที่ยวภาคเหนือได้ตลอดปลายปีนี้เป็นต้นไป เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเติบโต ซึ่งผู้คนภาคเหนือยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ขณะนี้มีแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์เพิ่มที่ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” จ.เพชรบูรณ์ กำลังจะได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกเหมาะเดินทางเยี่ยมชมอย่างมาก เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันงดงามที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองไทย

ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ 7 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-กรกฎาคม 2566 มีทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนรวมทั้งสิ้น 22 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 108,259 ล้านบาท แบ่งเป็น คนไทย 20 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 85,000 ล้านบาท ต่างชาติ 2.5 ล้านคน รายได้ 22,000 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 61 %

แนวโน้มครึ่งปีหลังอีกประมาณ 5 เดือน ระหว่างสิงหาคม-ธันวาคม 2566 มีปัจจัยเสริมมากพอสมควรช่วงเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวภาคเหนือ จะมีเที่ยวบินในประเทศ และต่างประเทศ เพิ่มขึ้น ผนวกกับสายการบินในประเทศเปิดเส้นทางบินใหม่ด้วย เช่น ไทยแอร์เอเชีย เปิดบิน ลำปาง-แม่ฮ่องสอน ปลายปีนี้จะบินเชื่อมข้ามภาคเหนือกับใต้ พิษณุโลก-ภูเก็ต ทำให้ภาคเหนือน่าจะได้ตามเป้าหมาย 34 ล้านคน รายได้ 155,000 ล้านบาท

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน