อว. สกสว. บพข. ภายใต้แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จับมือ TEATA หนุนเสริมกิจกรรมนำร่องการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ พร้อมชูแอพพลิเคชัน “Zero Carbon” ส่งท้ายปี 2566 ตอบโจทย์การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์และการชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต ขับเคลื่อนท่องเที่ยวด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ระหว่างวันที่ 24 – 26 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและไมซ์ของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน สอดรับวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน โดยเป้าหมายอันใกล้ คือ การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายในระยะยาว คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero GHG Emissions ในปี 2065 โดยการบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศนั้น แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. ภายใต้ กองทุน ววน. สกสว. มีการประสานข้อมูล องค์ความรู้ วิทยาการต่างๆ ตลอดจนภาคีเครือข่ายจำนวนมาก ซึ่งเน้นหลักการสำคัญ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี คือ “วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ”เน้นการวิจัยและนวัตกรรมในประเด็นสำคัญของประเทศ ได้แก่ Go Green พอเพียง ความยั่งยืน Carbon Neutrality พลังงานสะอาด เศรษฐกิจชีวภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมี “เอกชนนำ รัฐสนับสนุนหนุน เสริมให้เอกชนซึ่งเป็นผู้ที่จะใช้ประโยชน์ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและความต้องการ จากนั้นสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะเข้าไปดำเนินการสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ ยังเน้นย้ำการบูรณาการทำงานที่เชื่อมประสานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ นักวิจัย สถาบันการศึกษา รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อให้การวิจัยไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังนำไปใช้ได้และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามที่ ท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ให้นโยบายไว้

ด้าน รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวจะช่วยเสริมแกร่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างตรงจุด เป็นการส่งเสริมและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทย และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บพข. ภายใต้แผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมี ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ประธานอนุกรรมการแผนงานฯ และคณะอนุกรรมการที่ครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมพลังขับเคลื่อน เน้นการออกแบบแผนงานวิจัยเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนและผู้ให้บริการในภาคการท่องเที่ยว จึงได้เริ่มต้นแผนงานการท่องเที่ยวแบบ Carbon Neutral Tourism (CNT) เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ตั้งแต่ปี 2564 ผ่านความร่วมมือภาคีเครือข่าย 3 กระทรวง 8 ภาคี คือ สกสว./บพข. ททท. สสปน. อพท. หอการค้าไทย/สมาคมหอการค้าไทย และที่สำคัญมีภาคเอกชน คือ สมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ร่วมคิด ร่วมทำและขับเคลื่อนงานด้วยกัน ผู้ประกอบการและคณะวิจัยได้ร่วมกันออกแบบโปรแกรม/กิจกรรมการท่องเที่ยวให้เป็นที่ยอมรับระดับสากลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยผู้ประกอบการสามารถขายได้จริง สร้างรายได้ให้กับประเทศได้จริง อีกทั้งยังกระจายการนำแนวคิด CNT มาใช้ในการท่องเที่ยวต่างๆ กับฝั่ง Supply อาทิ การท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม (ฝั่งอันดามัน/อ่าวไทย/เขตอุทยานแห่งชาติ) เชิงเกษตร วิถีแห่งสายน้ำ เชิงอาสาสมัคร เชิงกีฬา เป็นต้น ปัจจุบันปี 2566 ทำให้มีผลิตภัณฑ์/เส้นทาง/บริการทางการท่องเที่ยว รวมทั้งผู้ประกอบการและชุมชนที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นชุมชนกว่า 450 ราย มีเครือข่ายระดับประเทศราว 10 หน่วยงาน เครือข่ายระดับพื้นที่และ DMC ราว 50 องค์กร รวมทั้งสถาบันการศึกษาจาก 20 มหาวิทยาลัย นักวิจัยมากกว่า 200 คน

กิจกรรมในครั้งนี้ สื่อมวลชนจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่สาธารณชน กระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการทางการท่องเที่ยว รวมถึงชุมชนสังคมในพื้นที่ ให้เห็นความสำคัญในการปรับกระบวนด้วยฐานงานวิจัยที่เน้นความยั่งยืนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ Press Trip จะมีการใช้งานแอพพลิเคชัน “Zero Carbon” เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางหรือคาร์บอนฟุตพรินท์จากการเดินทางและการทำกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งนี้ บพข. เชื่อมั่นว่าแอพพลิเคชันดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการประเมินและชดเชยแบบอนุมานอย่างง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งมีส่วนสนับสนุนโครงการคาร์บอนเครดิตในประเทศอย่างต่อเนื่อง และจะต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ นำพาประเทศไทยสู่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับสากลได้อย่างสมบูรณ์ โดย บพข. พร้อมเป็นภาควิชาการที่หนุนเสริมการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการระหว่างภาคีเครือข่ายทั้งรัฐ เอกชน สมาคม สถาบันการศึกษา เพื่อทำให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมแก้ไข Pain point ของอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง

ด้าน รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการแผนงานการท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บพข. กล่าวว่า งานวิจัย “การพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย” ได้ดำเนินการชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมการท่องเที่ยวทางทะเล โดยแนวทางการแก้ปัญหาการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศด้วยธรรมชาติ (Nature-based solutions) เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศด้วยระบบคาร์บอนสีน้ำเงิน (Blue carbon) เช่น การปลูกป่าชายเลน การฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอตัวอย่างของโปรแกรมการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สำหรับกิจกรรมดำน้ำตื้น 4 เกาะ (ทะเลแหวก) จังหวัดกระบี่ โดยผู้ประกอบการจาก Railay local travel ที่ถือเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเลที่ผ่านการอบรมมาตรฐานการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย มีแผนการจัดการด้านความปลอดภัยเป็นอย่างดี มีการจัดการดูแลเครื่องยนต์ คู่มือแนะนำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแบบสองภาษา การลดขยะจากขวดน้ำและการจัดการอาหารว่างในระหว่างท่องเที่ยว เป็นต้น

ขณะที่ นายนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ได้ดำเนินการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ตั้งแต่การเดินทางจากกรุงเทพด้วยแอพพลิเคชั่น Zero Carbon ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวน 11.02 ตัน(tCO2eq) ทำการชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิตทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 12 ตัน (tCO2eq) จนได้รับประกาศเกียรติคุณจาก อบก. ในรูปแบบการรับรองตนเองที่ง่าย รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการรับรองแบบอื่นมาก ทั้งนี้ในอีเว้นท์ท่องเที่ยวครั้งนี้มีการจัดการเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์จากเส้นฐาน(ถ้าไม่มีการจัดการใดๆเลย)กว่า15% เช่น กรณีของการเดินทางโดยเครื่องบินที่ถือเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของอีเว้นท์ครั้งนี้ได้มีการปรับโดยมีบางส่วนของคณะเดินทางเป็นแบบรถตู้แทน มีการเลือกใช้บริการสายการบินที่มีนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน รถตู้ที่ให้บริการงดการแจกผ้าเย็นและน้ำขวด ในพื้นที่ต่างๆก็มีการปรับใช้พาหนะท้องถิ่นเพื่อใช้ท่องเที่ยวในพื้นที่ เช่น รถโพถ้อง ซาเล้ง จักรยานไฟฟ้า เป็นต้น มีการเตรียมพื้นที่จัดอีเว้นท์ในแต่ละจุดให้เป็นในที่เปิดโล่งแทบทั้งหมดและเลือกจัดเสวนาในสมาคมไทยหัวซึ่งมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบสายส่ง มีการเลือกที่พักที่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและเลือกที่พักที่ระดับดาวต่ำลงในบางส่วนเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์จากการพักแรม จัดการเมนูอาหารอย่างประณีตเพื่อลดอาหารเหลือในแต่ละมื้อ รวมไปถึงการเตรียมตัวให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมลดขยะจากต้นทาง รวมถึงยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอาสาเพื่อฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล แจกของที่ระลึกจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และอีกหลายอย่างที่ทำให้สามารถลดการปล่อยจากเส้นฐานลงไปได้ นับเป็นจุดเริ่มต้นจากการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสุทธิเป็นศูนย์อย่างเป็นรูปธรรม

เป้าหมายความสำเร็จของแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในกลุ่ม CNT ในช่วง 5 ปี (ปี 2566-2570) มุ่งให้ประเทศไทยเป็น Net Zero Tourism ด้วยการสร้างการวิจัย นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวร่วมกับผู้ประกอบการ โดยยกระดับจากการท่องเที่ยวแบบปกติให้เป็นการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และขยับเป้าหมายสู่การท่องเที่ยวที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวคุณภาพ เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน