ออกแบบเสร็จแล้ว ‘พระเมรุมาศ’ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ ‘ในหลวง รัชกาลที่ 9’ ยิ่งใหญ่อลังการ สมพระเกียรติ ทรงบุษบก 9 ยอด กว้าง 60 เมตร สูง 50.49 เมตร ยึดหลักไตรภูมิ ตามคติสมมติเทพ ตรงต้องตามโบราณราชประเพณี เดือนธ.ค.นี้ ตอกหมุด หลังวันที่ 10 ม.ค.2560 ลงฐานราก เสร็จไม่เกินเดือนก.ย. ส่วนพระที่นั่งทรงธรรม สูง 20 เมตร สง่างาม ตกแต่งภูมิทัศน์เกี่ยวกับโครงการพระราชดำริต่างๆ อาทิ กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ หญ้าแฝก ขณะที่ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลไม่ขาดสาย
บำเพ็ญพระราชกุศลวันที่ 46
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 28 พ.ย. พล.ต.ม.จ. จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 46 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่น มหาเศวตฉัตร แล้วถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดจักรวรรดิราชา วาสวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 27 พ.ย.
ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ดนุชโชติ เทวกุล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร โดยมีราชสกุลสวัสดิวัตน์ กิติยากร ศุขสวัสดิ์ ร่วมในพระราชพิธีด้วย
หลั่งไหลมารอคิวตั้งแต่เช้ามืด
ส่วนการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเฝ้าฯ กราบถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังนั้น ยังมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีในเวลา 04.30 น. ก่อนเปลี่ยนไปเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ภายหลังปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบถวาย สักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.25 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 40,695 คน รวม 30 วัน จำนวน 995,162 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,163,439.50 บาท รวม 30 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 75,587,678.50 บาท
ครู-น.ร.ปากน้ำโพเข้าสักการะ
สำหรับหนึ่งในประชาชนที่เดินทางมารอเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพนั้น มีคณะครู 9 คน และนักเรียน 104 คน จากโรงเรียนวัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งเดินทางมาตั้งแต่เวลา 21.00 น. วันที่ 27 พ.ย. มารอคิวตั้งแต่เช้ามืด โดย น.ส.ธนารีย์ ชุมพล อายุ 23 ปี ครูวิชาภาษาไทย กล่าวว่าเราทุกคนล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างมากมาย ได้ติดตามข่าวและดูภาพถ่ายต่างๆ เกี่ยวกับงานพระราชพิธี แต่เมื่อได้เห็นเองกับตารู้สึกปีติอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ได้กราบหน้าพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เป็นความรู้สึกที่จุกจากข้างใน มองขึ้นไปแล้วก็น้ำตาไหล
คุณครูจาก จ.นครสวรรค์ กล่าวพร้อมนำข้าวเปลือกพระราชทานมาให้ดูด้วยว่า สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก ที่บ้านมีอาชีพทำนาเป็นหลัก และในวันนี้กำลังจะหว่านข้าว ที่ จ.นครสวรรค์ จึงบอกกับที่บ้านว่าอย่าเพิ่งหว่านข้าว ให้รอก่อน รอข้าวเปลือกพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ตั้งใจจะนำกลับหว่านในผืนนา เพื่อความเป็นสิริมงคล
กำหนดราชพิธี‘ปัญญาสมวาร’
ขณะเดียวกัน สำนักพระราชวังแจ้งว่าในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค. เวลา 17.00 น. จะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดถวายพรพระ รับพระราชทานฉัน ประเคนผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา สดับปกรณ์
สำหรับพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร เป็นการทำบุญอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระครบรอบวันสวรรคต ครบ 50 วัน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
750 น.ร.ชนเผ่ากราบ‘บรมศพ’
ส่วนที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ พร้อมด้วย น.ส. วรมาศ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานพาณิชย์กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และ ม.ล.บวรนวเทพ เทวกุล ผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจสายการบินไทยแอร์เอเชีย นำครูและนักเรียนชาวเขาเผ่าลาหู่ ปกาเกอะญอ ละว้า และม้ง จำนวน 750 คน จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน นักเรียนด้อยโอกาส ตามโครงการพาน้องกราบพ่อ มาเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ
นายอัยยวัฒน์กล่าวว่าโครงการพาน้องกราบพ่อ เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท คิง เพาเวอร์ กับสายการบินไทยแอร์เอเชีย นำนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั้งหมด ซึ่งตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารจำนวน 3,999 คนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนขาดโอกาส เข้ามากราบถวายสักการะพระบรมศพ โดยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 เป็นโรงเรียนแรก จากนั้นวันที่ 29 พ.ย. เป็นโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 12 จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 150 คน เดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียทั้งไปและกลับฟรี และจะทยอยนำนักเรียนมากราบถวายสักการะพระบรมศพ ไปจนถึงวันที่ 28 ธ.ค.นี้
จัดไฟลต์พิเศษ-เดินทางฟรี
ด้าน ม.ล.บวรนวเทพ กล่าวว่าสายการไทยบินแอร์เอเชียสนับสนุนโครงการนี้เต็มที่ โดยเปิดเที่ยวบินพิเศษให้นักเรียนได้เดินทางฟรี ครั้งละ 180 คนต่อหนึ่งไฟลต์
ขณะที่ นายสิริวัฒน์ ไพรสง่า อายุ 19 ปี ชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 อ.แม่ลานน้อย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าดีใจที่ได้มาเป็นตัวแทนนักเรียนเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เช่นเดียวกันกับ น.ส.จุไรพร ผู้มีมิตร อายุ 18 ปี ชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ นักเรียนชั้น ม.6 กล่าวว่าเป็นเกียรติที่ได้มากราบถวายสักการะพระบรมศพ มาสัมผัสด้วยใจ เพราะพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงให้ทุกอย่าง ช่วยเหลือชาวเขาทั้งอาชีพและการศึกษา
ส่วนน.ส.วรรณวนัส คงคาสัมฤทธิ์ อายุ 18 ปี ชาวเขาเผ่าละว้า นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกัน กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ชาวไทยภูเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพราะพระองค์ท่าน พวกเราจะยึดถือเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
เปิดให้ปชช.ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง
ที่เต็นท์กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) โดยรอบพระบรมมหาราชวัง พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต รองแม่ทัพภาค 1 กล่าวถึงความพร้อมจัด กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง เดย์ วันที่ 1-2 ธ.ค.นี้ ว่าในวันที่ 1 ธ.ค. เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องการร่วมทำกิจกรรมมาร่วมได้ ขณะนี้ กอร.รส.พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ซักซ้อมแผนอุบัติเหตุ เส้นทางออกฉุกเฉิน เส้นทางหน่วยแพทย์กรณีเร่งด่วน ส่วนวันที่ 2 ธ.ค. จะตรวจสอบระบบเตือนภัย ไฟฟ้า กล้องวงจรปิด น้ำประปา และการติดต่อสื่อสาร ในส่วนของความมั่นคง จะยังมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดเช่นเดิม แม้จะมีประกาศสำนักพระราชวังเรื่องงดเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวต่อว่าสำหรับการจราจรในวันที่ 1-2 ธ.ค. ยังคงเปิดตามปกติ แต่ยังคงปิดถนนทั้ง 8 เส้นทางด้านในต่อไป ในส่วนของระบบขนส่งมวลชนได้หารือกับ ขสมก.และกรมเจ้าท่า โดยรถเมล์โดยสารสาธารณะจะงดให้บริการเฉพาะเส้นทางด้านหน้าประตูเทวาภิรมย์เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น ส่วนการสัญจรทางน้ำนั้น กรมเจ้าท่าปิดท่าเรือยอดพิมาน แต่ประชาชนสามารถใช้ท่าราชินีและท่าสะพานพุทธได้ตามปกติ
ม.ค.60ลงฐานรากพระเมรุมาศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าที่ประชุมรับทราบการออกแบบสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า โดยภาพรวมมีความก้าวหน้า และจะเริ่มบวงสรวงราชรถในวันที่ 19 ธ.ค. และตอกหมุดจุดกึ่งกลางของพระเมรุมาศในเดือนธ.ค. ระหว่างนี้กรมศิลปากรประสานงานกับกทม. เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ในการวางหมุดบริเวณผังพิธี และหลังจากวันที่ 10 ม.ค.2560 จะล้อมรั้วเพื่อลงฐานราก เพื่อดำเนินงานตามแผนงานและจะทำให้แล้วเสร็จไม่เกินเดือน ก.ย.2560 สำหรับการจัดพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ยังเป็นไปตามปกติ โดยจะใช้พื้นที่บริเวณที่ไม่มีล้อมรั้วก่อสร้าง
ทรงบุษบก 9 ยอด-สมพระเกียรติ
รองนายกฯ กล่าวต่อว่าสำหรับแนวคิดในการสร้างพระเมรุมาศ ยึดหลักการประกอบพิธีของราชวงศ์สมัยรัตนโกสินทร์ มี 9 ยอด และแนวคิดเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริมา สอดแทรกโดยรอบ การก่อสร้างจะทำให้สมพระเกียรติและทันสมัย บริเวณงานจะรองรับผู้ร่วมงานได้ประมาณ 7,400 คน ทุกฝ่ายทั้งฝ่ายเลขานุการ ทหารได้แสดงความเห็นต่างๆ ทั้งเรื่องการจัดขบวน การใช้พื้นที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน และจะปรับให้เหมาะสมก่อนประชุมคณะกรรมการอำนวยการชุดใหญ่
ส่วน นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่าเตรียมเผยแพร่คำศัพท์เนื่องในพระราชพิธี ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานพระราชพิธี เช่น สื่อมวลชน และประชาชนที่เกี่ยวข้องในวันที่ 29 พ.ย. ประมาณ 10,000 ฉบับ และหลังจากลงเสาเอกพระเมรุมาศ จะจัดพิมพ์หนังสือเรื่องการจัดงานพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และยังเริ่มผลิตสารคดีแอนิเมชั่น เรื่องขั้นตอนการก่อสร้างพระเมรุมาศ และการเตรียมพระราชพิธีต่างๆ เผยแพร่ให้ประชาชนได้เรียนรู้พระราชพิธีที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นพระราชพิธีเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ไทย
ยึดหลักไตรภูมิ-สมมติเทพ
ขณะที่นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดสร้างพระเมรุมาศ กล่าวว่ากำหนดกรอบแนวคิดไว้ 3 ประการ คือ 1.ต้องสมพระเกียรติ เพราะเป็นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังจากครั้งหลังสุด คืองานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เมื่อปี พ.ศ.2493 และช่วงเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา มีเพียงพระเมรุของสมเด็จชั้นเจ้าฟ้า
นายอนันต์กล่าวว่า 2.ออกแบบตามหลัก ราชประเพณีโบราณ ยึดแบบสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะแบบของสมัยอยุธยาไม่มีรูปแบบที่เป็นหลักฐาน จึงดูแบบพระเมรุมาศของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และ 3.ยึดหลักไตรภูมิ ตามคัมภีร์พระพุทธศาสนา และความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือสมมติเทพ ตามระบบเทวนิยม จาก 3 แนวคิดหลักนี้ก็ปรากฏเป็นแบบพระเมรุมาศในครั้งนี้ คือแบบทรงยอดบุษบก องค์หลักจะอยู่กึ่งกลาง อันหมายถึงเขาพระสุเมรุ อีก 8 มณฑป ที่อยู่รายรอบหมายถึงเขาสัตตบริภัณฑ์ อันหมายถึงระบบจักรวาล
อลังการ-กว้าง 60 ม. สูง 50.49 ม.
อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวต่อว่า ส่วนลวดลายประกอบ ไม่ว่าจะเป็นชั้นฐาน หรือประติมากรรมที่ประกอบในพระเมรุมาศ ทั้งหมดจะสะท้อนถึงเรื่องระบบจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นชั้นครุฑ ชั้นเทพ หรือเทวดา รวมไปถึงสัตว์หิมพานต์ และที่พิเศษในครั้งนี้ คือเสาโคม จะใช้เสาครุฑ เพราะครุฑคือพาหนะของพระนารายณ์ ในแนวคิดสมมติเทพนั้น พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์
นายอนันต์กล่าวว่า ส่วนขนาดของพระเมรุมาศในครั้งนี้จะใหญ่กว่า 4 ครั้งหลังที่ผ่านมา มีฐานกว้างด้านละ 60 เมตร สูง 50.49 เมตร และมีอาคารประกอบต่างๆ ทั้งพระที่นั่งทรงธรรม มีขนาดความสูง 20 เมตร จะสง่างามสมพระเกียรติ สำหรับการออกแบบภูมิทัศน์ จะศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ เช่น กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ การปลูกหญ้าแฝก เป็นต้น จะถูกนำมาใช้ในการออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ ขณะที่งานศิลปกรรม จะยึดคติความเชื่อตามระบบจักรวาล ทั้งเทพ เทวดา สัตว์หิมพานต์ อันเกี่ยวกับสมมติเทพทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามราชประเพณีที่มีมาตั้งแต่อดีต
กำหนดแล้วเสร็จก่อนก.ย.60
นายอนันต์กล่าวอีกว่า ขณะที่การสร้างพระโกศจันทน์ ขณะนี้แบบเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว เป็นไปตามราชประเพณีทุกประการ ส่วนการสร้างพระโกศทองคำที่จะบรรจุพระบรมอัฐินั้น อยู่ในขั้นตอนการออกแบบ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน ก็จะบวงสรวงในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ เป็นประธาน เป็นไปตามธรรมเนียมคติความเชื่อที่ก่อนจะดำเนินการสร้าง จะต้องบูรณะราชรถ ราชยาน ทั้งหมดนี้จะต้องแล้วเสร็จก่อนเดือน ก.ย.2560
อธิบดีกรมศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับทีมออกแบบพระเมรุมาศบุษบก 9 ยอดนั้น ประกอบด้วย นายสตวัน ฮ่มซ้าย ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม นายธีรชาติ วีรยุทธานนท์ สถาปนิกกรมศิลปากร และนายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรม ส่วนพระที่นั่งทรงธรรม ที่ในครั้งนี้จะมีขนาดใหญ่มาก ผู้ออกแบบประกอบด้วย นายจักรพันธ์ วัชระเรืองชัย น.ส.ชารินี อรรถจินดา และนายอาทิตย์ ลิ่มมั่น นอกจากนั้นก็จะเป็นกรมศิลปากรทั้งหมด ส่วนพระโกศจันทน์ออกแบบโดยนายสมชาย ศุภลักษณ์อําไพพร นายช่างศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
‘กุยบุรี’เตรียมแห่ไม้จันทน์หอม
วันเดียวกัน นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไป อุทายานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อตรวจความคืบหน้าการตัดและแปรรูปไม้จันทน์หอมสำหรับพระราชพิธีพระบรมศพ โดยล่าสุดตัดเสร็จสิ้นไปแล้ว 8 ต้น คาดว่าจะใช้ทั้งหมด 9 คัน ตามที่สำนักช่างสิบหมู่แจ้งความต้องการมา จะขนย้ายไม้แปรรูปขนาดต่างๆ รวมทั้งขี้เลื่อยและเศษไม้ไปเก็บไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จัดเวรยามเฝ้าอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ช.ม.
นายอำเภอกุยบุรีกล่าวว่าก่อนจะนำส่งช่างสิบหมู่ ชาวกุยบุรีเตรียมจัดพิธีแห่ไม้จันทน์หอมรอบตลาดกุยบุรี เนื่องจากที่ผ่านมาได้ร่วมกันสนับสนุนงานพระราชพิธีมาโดยตลอด อีกทั้งชาวบ้านยังสนับสนุนเตรียมจัดรถบรรทุกไม้จันทน์หอมไว้แล้ว 4 คัน เพื่อร่วมกันนำไม้ส่งสำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม
อดีตนายกฯญี่ปุ่นเข้าลงนาม
ส่วนในพระบรมมหาราชวัง ก่อนหน้านี้เวลา 08.30 น. นายเซอร์เกย์ อี. เชเรมิน ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงมอสโก และหัวหน้าฝ่ายการต่างประเทศของรัฐบาลกรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย เดินทางมาลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาเวลา 10.40 น. นายยูกิโอะ ฮาโตะยามะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางมาลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นเวลา 17.30 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรม
