บิสิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า แอปเปิ้ล ผู้พัฒนาไอโฟน จากประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงชี้แจงยอมรับว่าได้ดำเนินมาตรการที่ทำให้ไอโฟนรุ่นเก่าๆ มีประสิทธิภาพลดลงจริง ภายหลังบรรดาวิศวกรของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เบนช์มาร์กรวมตัวกันเพื่อศึกษากระแสข่าวลือที่ผู้ใช้ไอโฟนบางส่วนรู้สึกว่าไอโฟนรุ่นเก่าๆ ที่ใช้อยู่นั้นทำงานช้าลงอย่างรู้สึกได้หลังการอัพเกรดระบบปฏิบัติการไอโอเอส โดยผลการศึกษาที่ได้พบว่าชิพประมวลผลของไอโฟนในเครื่องเหล่านี้ทำงานด้วยประสิทธิภาพที่ไม่เต็มที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจถูกบังคับให้จำกัดความเร็วในการทำงาน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดแอปเปิ้ลจึงไม่มีการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบก่อนการดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพของเครื่อง

ด้านบริษัท แอปเปิ้ล ซึ่งออกมายอมรับว่าเป็นความจริง ชี้แจงว่า เป็นมาตรฐานการดำเนินการของแอปเปิ้ลเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับ “ประสบการณ์การใช้” ที่ดีที่สุด เนื่องมาจากแบตเตอรี่ในไอโฟนรุ่นเก่าๆ จะเริ่มเสื่อมสภาพทำให้แอปเปิ้ลต้องจำกัดปริมาณพลังงานที่ชิพประมวลผลใช้เพื่อให้เครื่องมีระยะเวลาทำงานได้ใกล้เคียงของเดิมที่สุด หรือป้องกันการหยุดทำงานกระทันหัน มาตรการนี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพการประมวลผลลดลง

ด้านบีบีซี ระบุว่า ผลการทดสอบดังกล่าวได้รับการยืนยันจากผู้ใช้ในเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ชื่อดัง เรดดิท ที่พบว่าไอโฟน 6เอส ของตัวเองนั้นทำงานช้าและมีคะแนนเบนช์มาร์กต่ำ แต่เมื่อนำเครื่องไปเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ใหม่ ก็พบว่าเครื่องทำงานเร็วขึ้น และมีคะแนนเบนช์มากสูงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายอีวาน สเปนซ์ ผู้เชี่ยวชาญจากนิตยสารฟอร์บส์ มองว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือความพยายามปิดบังการดำเนินการดังกล่าวของแอปเปิ้ล เพราะแอปเปิ้ลชี้แจงว่า เริ่มดำเนินการในรูปแบบนี้ตั้งแต่ปี 2559 แต่กลับไม่เคยมีการแจ้งหรือประกาศใดๆ ให้ผู้บริโภครับรู้

นายสเปนซ์ ยกตัวอย่างกรณีการระเบิดของแฟ็บเล็ตเรือธง กาแล็กซี โน้ต 7 จากค่ายซัมซุง ที่ทำให้ทางค่ายซัมซุง ประเทสเกาหลีใต้นั้นเผชิญกับวิกฤตครั้งร้ายแรงและถูกรุมประณามจากผู้บริโภครอบด้าน แต่ทางซัมซุงยังคงชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ทั้งยังมีการโฆษณามาตรฐานการดำเนินการใหม่ๆ เพื่อปรับปรุง แต่แอปเปิ้ลกลับนิ่งเฉยไม่โฆษณาการดำเนินการนี้ หมายความว่าต้องการปกปิดใช่หรือไม่ แล้วเพราะเหตุใดจึงต้องการทำเช่นนั้น

นอกจากนี้ นายสเปนซ์ ยังแสดงความสงสัยว่าเหตุใดแอปเปิ้ลจึงต้องดำเนินการดังกล่าวรวดเร็วในไอโฟนหลายรุ่น ทั้งๆ ที่ค่ายอื่นนั้นสามารถทำให้แบตเตอรี่ของตัวเองคงประสิทธิภาพอยู่ได้แม้จะผ่านไปนานถึง 2 ปี (ซัมซุงอ้างว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ในเรือธงทุกรุ่นจะยังคงมีประสิทธิภาพที่ร้อยละ 95 แม้ผ่านไปนาน 2 ปี)

แถลงการณ์แอปเปิ้ลระบุว่า “เป้าหมายของเราคือการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ นั่นหมายถึงประสิทธิภาพในภาพรวม และการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ในเครื่อง โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน จะเสื่อมสภาพลงทำให้สามารถเก็บประจุไฟได้น้อยลง และมีแรงดันไฟฟ้าที่ลดลงด้วยในสภาพอากาศที่หนาวจัด ส่งผลให้ในบางกรณีเครื่องอาจหยุดทำงานกระทันหัน จากระบบป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ภายใน”

แถลงการณ์ระบุต่อว่า “เมื่อปีที่แล้ว แอปเปิ้ลดำเนินมาตรการดังกล่าวกับ ไอโฟน 6 ไอโฟน 6เอส และไอโฟน เอสอี เพื่อทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าว และล่าสุดทางแอปเปิ้ลเริ่มดำเนินมาตรการนี้กับไอโฟน 7 แล้วผ่านไอโอเอส 11.2 และมีแผนจะดำเนินมาตรการนี้กับผลิตภัณฑ์อื่นต่อไปในอนาคต”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน