หลังจากที่ นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ดารา-พิธีกรสาวสวย และ ปอนด์-ชยพล หลีระพันธ์ สามี ลงรูปการตรวจผลเลือดแบบพาโนรามาและรูปอัลตร้าซาวนด์ พร้อมระบุแคปชั่นทำนองว่าได้ลูกชายและกำลังเป็นคุณแม่ลูกสองเต็มตัว ทำให้มีคนเข้าไปคอมเมนต์แสดงความยินดีกับทั้งคู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวข่าวสดออนไลน์รีบต่อสายตรงไปสอบถามทันที โดย ‘นุ้ย’ กล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจสุดๆ ว่า “ท้องแล้วค่ะ รูปโพลารอยด์ที่เห็นคือรูปกระจู๋ ก่อนหน้านี้ที่ปอนด์ลงจะเป็นการตรวจพาโนรามาที่เป็นเอกสารซึ่งจะบอกเรื่องเพศ แต่ว่ารูปอัลตร้าซาวนด์ที่นุ้ยลงเป็นการยืนยันอีกครั้ง ซึ่งเห็นว่ามีติ่งออกมา คุณหมอบอกว่าค่อนข้างชัวร์แล้วว่าเพศชายแน่ๆ เลยกล้าบอก อีกอย่างน้องก็แข็งแรงแล้วด้วย”


ได้ลูกชายสมที่ตั้งใจเลยไหม นุ้ยตอบว่า “ค่ะ จริงๆ เพศไหนก็ได้หมด จะได้ปิดอู่สักที (หัวเราะ) ตอนนี้ตั้งท้องได้ 3 เดือนกว่าๆ แต่ที่รู้เพศเร็วเพราะนุ้ยตรวจเลือดแบบพาโนรามา จริงๆ การตรวจเลือดของคุณแม่มันเป็นการตรวจดูความเสี่ยงของลูกมากกว่าว่าจะมีความผิดปกติมั้ย แทนการเจาะน้ำคร่ำเพราะคุณหมอบอกว่าความเสี่ยงของคุณแม่ที่เจาะน้ำคร่ำ 1 ต่อ 300 หมายความว่า 33 คนจะมีผู้หญิงที่เจาะน้ำคร่ำ 1 คนที่แท้งลูก เขาเลยมีวิธีใหม่นี้ขึ้นมาคือตรวจจากเลือดของคุณแม่ แล้วมันก็สามารถเช็กโครโมโซมของลูกได้ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ถ้าเสี่ยงมากคุณแม่ก็ต้องไปเจาะน้ำคร่ำ ถ้าเสี่ยงน้อยก็ไม่ต้องเจาะแล้ว คราวนี้ผลพวงที่มันได้คือรู้เพศลูกด้วย ตอนแรกคุณหมอก็จะถามว่าจะดูมั้ยอยากรู้มั้ยว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย จริงๆ คุณหมอเห็นตั้งแต่อัลตร้าซาวนด์ตอน 12 วีคแล้วว่าเป็นผู้ชาย แต่ว่าอยากขอชัวร์ๆ ก่อน ไม่อยากดีใจเก้อ นุ้ยตั้งใจจะมีลูก 2 คนอยู่แล้วต่อให้เป็นหญิงคู่ก็ต้องหยุดแล้วเพราะเหนื่อย หลังจากท้องนี้ก็ทำหมันเลยซึ่งให้ปอนด์เป็นคนทำค่ะ ส่วนเรื่องชื่อตอนนี้กำลังรวบรวมอยู่ อยากได้ที่คล้องจองกับน้องรดาพี่สาวของเขาด้วย”

 

หลายคนจะงงว่าเริ่มปฏิบัติการตอนไหน ทำไมติดเร็วจัง ว่าที่คุณแม่ลูกสองกล่าวว่า “เมื่อวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมาค่ะ วันเดียวเท่านั้นก็ติดเลย ไม่ได้มีการปรึกษาคุณหมอด้วย ด้วยความที่พร้อมในหลายๆ อย่างเพราะน้องรดา ก็เริ่มอยู่ตัวแล้ว ปกตินุ้ยกับปอนด์ก็จะไปหาคุณหมอเพื่อวางแผนครอบครัวว่าจะมีคนที่สองมั้ย เผอิญว่าวันที่ไปหาคุณหมอคือติดพอดี อายุครรภ์น่าจะประมาณ 4 วีค ตอนนั้นไม่ได้อะไรเลยแค่คิดว่าอยากจะเปิดอู่ กลายเป็นเปิดปุ๊บติดปั๊บ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะติดง่ายขนาดนั้น จริงๆ มีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นด้วยคือนุ้ยไปทำบุญกับพระอาจารย์ที่ให้ท่านดูฤกษ์แต่งงานให้ ตอนนั้นเพิ่งท้องวีคแรกๆ พระอาจารย์ก็ทักขึ้นว่านี่ท้องอีกคนเหรอ

“นุ้ยยังถามกลับเลยว่าคือหน้าท้องยื่นหรือยังไงคะ พระอาจารย์บอกอีกว่าเนี่ยมีเจ้าจุกเดินตาม นุ้ยก็แบบ…ตกใจมาก แล้วที่เด็ดกว่านั้นคือพี่ริว(จิตสัมผัส) ทักนุ้ยตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว เดินสวนกันที่บันได พี่ริวก็ถามว่าพี่นุ้ยๆ จะเปิดอู่หรือยัง นุ้ยก็ตอบว่ายังไม่คิดเลยยังเหนื่อยอยู่เลย พี่ริวก็บอกอีกว่าเขามารอนานแล้วนะ ริวเห็นหลายครั้งแล้ว แถมบอกด้วยว่าคนนี้ผู้ชาย ตอนนั้นยังบอกเลยว่าถ้าพี่ริวทักถูกจะเชื่อพี่ริวเลยนะ ปรากฏว่าถูกจ้า (หัวเราะ) กำหนดคลอดจริงๆ คือเดือนต.ค. แต่ถ้าต้องผ่าจะกลายเป็นปลาย ก.ย. ซึ่งอาจจะดูฤกษ์ด้วย แต่ว่าเดี๋ยวก็เหมือนน้องรดา ที่เลือกฤกษ์เอง อยากจะออกวันนี้ก็ออก แล้วก็ยังคงฝากท้องกับคุณหมอคนเดิมและโรงพยาบาลเดิมค่ะ”

 

ก่อนหน้านี้เห็นมีภาพนอนอยู่โรงพยาบาลคือป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า นุ้ยแจงว่า “ที่มีข่าวว่าครรภ์เป็นพิษ ไม่ใช่นะคะ แต่นุ้ยอยู่ในภาวะแท้งคุกคาม พอดีว่าช่วงนั้นน้องรดาไม่สบายทำให้นุ้ยต้องดูแลใกล้ชิด ประกอบกับนุ้ยอุ้มเขาเยอะไปในตอนที่อายุครรภ์ยังน้อยอยู่ มันเลยเซ้นสิทีฟ คุณหมอก็บอกอยู่แล้วว่างานหนักอย่างเดียวที่ไม่ให้ทำคืออุ้มลูก คราวนี้นุ้ยอาจจะอุ้มเยอะไปเพราะเขานอนราบไม่ได้ บวกกับไม่ค่อยได้นอน พักผ่อนน้อย แล้วภาวะนี้มันสัมพันธ์กับความเครียดและเหนื่อย นุ้ยยังโชคดีที่เลือดออกมาซิบๆ ไม่เยอะ คุณหมอบอกว่าถ้าจะเป็นภาวะที่น่าวิตกกังวลคือจะต้องมีเลือดสดออกมาเต็มผ้าอนามัยแผ่นใหญ่ แต่ของนุ้ยออกมาเป็นลิ่มเลือดเหมือนว่าเส้นเลือดมันปริเฉยๆ ตอนที่เป็นก็ไปโรงพยาบาลเลยซึ่งคุณหมอก็ให้เบ้ดเรสต์(Bed Rest)ทันที จริงๆ คือต้องอยู่บนเตียงอย่างเดียว 2 อาทิตย์ เรียกว่าแคนเซิลทุกงาน แต่เผอิญว่านุ้ยเป็นภาวะที่ไม่ต้องเป็นห่วงมากเพราะมันไม่ได้เป็นเลือดสดออกมา คุณหมอขอดูอาการ 2 วันเลือดไม่ได้ออกแล้ว พอเข้าไปตรวจภายในก็พบว่าไม่ได้มาจากการเป็นติ่งเนื้อที่ปากมดลูกหรือเป็นการหลุดลอกของอะไร มีแต่เลือดเก่า ไม่ได้มีเลือดใหม่ แสดงว่าแผลสมานแล้วสามารถกลับบ้านได้ เพียงแต่ว่านุ้ยก็ห้ามทำงานหนักๆ ห้ามยืนนานๆ ต้องอยู่นิ่งๆ ค่ะ”

เห็นว่าพักงานอ่านข่าวไปด้วย คุณแม่คนสวยกล่าวว่า “จริงๆ นุ้ยไม่ได้ไปอ่านข่าวที่เวิร์คพอยท์ตั้งแต่ที่เริ่มรู้ว่าท้อง คือมันเหนื่อยมากและท้องนี้ก็แพ้หนัก การเดินทางก็ไกล ต้องตื่นเช้า ด้วยอายุครรภ์ที่ยังน้อยอีกคุณหมอบอกว่าก็ต้องเลือกระหว่างลูกกับงาน ซึ่งนุ้ยก็เลือกลูกอยู่แล้ว ตอนนี้ก็หยุดงานทุกอย่าง 2 อาทิตย์ซึ่งจะครบกำหนดในอาทิตย์ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นก็ออกไปไหนได้บ้างแต่ก็ไม่ให้ทำงานหนักและเดินเยอะเกินไป ถามว่าท้องนี้แพ้หนักขนาดไหน ตอนท้องน้องรดาแพ้นิดหน่อย มาแพ้เอาเดือนที่ 3 แต่ท้องนี้แพ้คลาสสิกมากคือตั้งแต่วีคแรกที่ตั้งครรภ์ ที่สำคัญคือเหมือนในละครมาก อยากกินของเปรี้ยว มะยม มะดัน มะม่วง จัดมาให้หมด แล้วก็อาเจียนพุ่ง มึนหัว กินอะไรไม่ได้ เหนื่อย อยากนอนอย่างเดียว ทุกวันนี้ก็เริ่มแพ้น้อยลง”

 

บอกน้องรดาหรือยังว่ากำลังจะมีน้องแล้ว คุณแม่คนเดิมตอบว่า “บอกแล้วค่ะ บอกตั้งแต่ที่รู้ว่าตั้งท้องเลย ตอนแรกกลุ้มใจมากจะอธิบายยังไงให้เข้าใจเพราะเขาแค่ขวบกว่าเอง คุณหมอแนะนำว่าง่ายๆ คือให้พี่คนโตรู้สึกว่าน้องคนเล็กเป็นของขวัญสำหรับเขา พยายามให้เขามีส่วนร่วมแล้วเขาจะรักน้อง คุณหมอยังบอกด้วยว่าความรักของคุณแม่ที่มีให้ลูกมันไม่ใช่เค้กก้อนเดียวแล้วต้องแบ่งกัน ความรักของลูกคนโตก็คือเต็มๆ ลูกคนเล็กก็เต็มๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งคู่ เพียงแต่ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่านี่คือน้องของเขาเป็นของของเขา แล้วเขาจะไม่รู้สึกว่าคนนี้เกิดมาแย่งความรักจากเขาไป”

 

ทั้งสองครอบครัวเห่อกันเลยไหม “ปอนด์ก็ดีใจมาก เพราะเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลหลีระพันธ์ของเขาเลยค่ะ” นุ้ยทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน