ศาลยกฟ้อง “ครูแขก” นปช.เชียงใหม่ คดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น-ย่านนนทบุรี เมื่อปี 2553 ระบุหลักฐานไม่เพียงพอ พยานไม่เห็นขณะนำระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ โดยจำเลยปฏิเสธมาตลอด จึงพิพากษายกฟ้อง ด้านครูแขกร่ำไห้-ตะโกนกำลังใจดี ก่อนถูกคุมตัวไปขังเรือนจำมีนบุรี ในคดีระเบิดย่านมีนบุรีเมื่อปี 2557 ด้านทนายเตรียมนำสำเนาคำพิพากษายื่นประกันตัว

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4237/ 2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 56 ปี ชาวเชียงใหม่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง และกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่อง กระสุนปืนฯ พ.ศ.2590 มาตรา 4, 38 และ 74

ตามฟ้องอัยการบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือนมิ.ย.-5 ต.ค.2553 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแนวร่วมหรือเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีเจตนาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ประกอบด้วย วัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง 5 ลูก (ถัง) ที่ประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้วงจรตั้งเวลา 1 สัปดาห์ ประกอบกับวัตถุระเบิดแรงต่ำ ชนิดดินเทาและยูเรียหนักประมาณ 20 ก.ก. ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดหลักบรรจุไว้ในถังดับเพลิงและถังน้ำยาแอร์ รวมทั้งมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบด้วย ปืนเล็กกล(AK 47) ขนาด 7.62 ม.ม. เลขประจำปืน 601098 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนอีก 129 นัด โดยตรวจยึดได้ที่สมานเมตตาแมนชั่น ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งระหว่างการพิจารณาได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกัน 2 แสนบาท แต่นางอัมพรยังถูกดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ฐานทำให้เกิดระเบิดอีก 1 สำนวน ซึ่งไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง ดั งนั้นนางอัมพรจึงถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์มี 2 นายตำรวจเป็นพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงปี 2553 เกิดเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นและมี ผู้เสียชีวิต โดยโจทก์มีตำรวจอีกนายเบิกความถึงการสอบสวนด้วยการไปสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ แต่โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เห็นจำเลยร่วมนำวัตถุระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้จากผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ก็ระบุเพียงว่าดูแลอาคารโกมลอพาร์ตเมนต์ที่ให้เช่าเท่านั้น แต่ไม่ได้ดูแลอาคารสมานเมตตาแมนชั่น พยานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามโจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้องนางอัมพรถึงกับร่ำไห้และพูดคุยกับสามีชาวต่างชาติที่มาให้กำลังใจด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวนางอัมพรกลับไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี โดยนางอัมพรได้ตะโกนตอบนักข่าวว่า สบายดี กำลังใจดี ไม่ต้องเป็นห่วง

ด้านน.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความนางอัมพรกล่าวว่า ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและร่วมกระทำความผิดด้วย แต่จำเลยยังถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ในคดีร่วมกันทำให้เกิดเหตุระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน บริเวณถนนราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2557 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยหลังจากนี้จะคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลอาญาไปประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีดังกล่าวที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ในวันที่ 23 พ.ค. หลังจากที่ศาลจังหวัดมีนบุรีเคยยกคำร้องปล่อยชั่วคราวนางอัมพรระหว่างฝากขังครั้งที่ 4 หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง แต่เมื่อศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดี ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงคิดว่าคำพิพากษาศาลอาญาอาจเป็นเหตุผลประกอบในการยื่นประกันตัวได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน