สาวในคลิปนั่งท้ายเก๋งแดงเข้าพบ ตร.แล้ว สอบพบเป็นเหตุผัว เมียทะเลาะหึงหวงกัน หลังขับรถมาด้วยกันแล้วมีปากเสียงรุนแรง เมื่อถึงย่านพัฒนาการฝ่ายเมียได้ลงจากรถ สามีจึงล็อกประตู แต่เนื่องจากเมียลืมกระเป๋าไว้ในรถเลยโดดขึ้นไปนั่งท้ายรถจนมีคลิปว่อนโซเชี่ยล ด้าน ตร.ปรับฝ่ายหญิง 500 บาท นัดฝ่ายชายอาทิตย์หน้า ส่วนอีกคลิปเหตุปิกอัพเฉี่ยวชนด.ช. 5 ขวบ ล่าสุดแม่ค้าตลาดนัดรุดมอบตัว ตร.นครปฐมแล้ว สารภาพมองไม่เห็นเด็ก ที่ขับหลบหนีอ้างกลัวความผิด-ตกใจ พร้อมขอโทษ-มอบเงินเยียวยา ด้านพ่อเด็กไม่เอาเรื่อง-เหตุเป็นญาติห่างๆ

จากกรณีมีผู้พบเห็นหญิงสาวสวมชุดขาวดำนั่งบนฝากระโปรงท้ายรถเก๋งโตโยต้า รุ่นอัลติส สีแดง ทะเบียน 3 ก 2748 กทม. บนถนนพระราม 9 (ขาเข้า) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ย. เวลาประมาณ 18.15 น. ก่อนมีการบันทึกภาพไว้และแชร์ให้กลุ่มเพื่อน หลังจากนั้นได้มีการแชร์ในโลกโซเชี่ยล โดยตั้งชื่อคลิปว่า “เป็นคนหรือผี” และมีผู้มาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าคู่กรณีเป็นสามีภรรยากัน ฝ่ายชายอายุ 47 ปี ฝ่ายหญิงอายุ 29 ปี เป็นคนไทยทั้งคู่และมีบุตรด้วยกัน 1 คน โดยเมื่อวันที่ 17 พ.ย.หญิงสาวที่นั่งบนฝากระโปรงท้ายรถเก๋งได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว

พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวอีกว่า หญิงสาวให้การว่าในวันเกิดเหตุสามีขับรถเก๋งคัน ดังกล่าวมาส่งภรรยาย่านทาวน์อินทาวน์ แต่ระหว่างทางเกิดมีปากเสียงทะเลาะจากเหตุหึงหวงกันภายในรถ ภรรยาจึงโทร.ลางาน จากนั้นสามีขับรถมาย่านพัฒนาการ และเมื่อภรรยาลงจากรถสามีได้ล็อกประตูรถ แต่เนื่องจากกระเป๋าของฝ่ายหญิงอยู่ภายในรถ จึงขึ้นไปนั่งบนฝากระโปรงท้ายรถ จากนั้นสามีจึงขับรถออกมาดังที่ปรากฏในคลิป

พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวต่อว่า เบื้องต้นฝ่ายหญิงให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับในข้อหานั่งบนรถยนต์ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะที่รถยนต์เคลื่อนอยู่ในทางเดินรถ ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 124 วรรคสอง ระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนฝ่ายชายได้รับหมายเรียกแล้ว โดยขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเเจ้งข้อหาขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8) ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนอีกคลิปที่เผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล เป็นเหตุการณ์รถกระบะขับเฉี่ยวชนด.ช.คนัท เปียแก้ว วัย 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 จนร่างกระเด็นไปบนถนนบาดเจ็บสาหัส ก่อนรถกระบะจะจอดแล้วสาวสูงวัยคนขับลงจากรถมาดูอาการเด็กและมีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ จากนั้นสาวสูงวัยคนขับรถได้ขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดหน้าร้านขายของชำ ต.บ่อพลับ อ.เมืองนครปฐม เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพนาทีเกิดเหตุไว้ได้ชัดเจน

ความคืบหน้าล่าสุด น.ส.ปนัสยา ส้มเอม อายุ 49 ปี ชาว จ.นครปฐม คนขับรถกระบะพุ่งชนด.ช.คนัท เดินทางเข้ามอบตัวกับพ.ต.อ. ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ก่อนนำตัวไปสอบสวน พร้อมเชิญนายสมชาย เปียแก้ว และด.ช.คนัทมาชี้ตัวด้วย

น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ในวันเกิดเหตุขับรถกระบะมาตามทางปกติ เพื่อไปขายของที่ตลาดนัดใน อ.นครชัยศรี มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุมีเด็กวิ่งออกมากะทันหัน ทำให้ไม่สามารถเบรกรถได้ทัน จึงพุ่งชนอย่างจัง หลังจากนั้นลงมาดูเด็กแล้วอุ้มเพื่อจะพาไปโรงพยาบาล แต่เด็กร้องไห้เสียงดังว่าไม่ไปและบอกว่าจะไปบอกแม่ก่อน ประกอบกับเด็กมีเลือดและบาดแผลเต็มใบหน้า ด้วยความตกใจจึงวิ่งหนีขึ้นรถไปด้วยความกลัว หลังเกิดเหตุตนไม่ได้เดินทางออกจากบ้านเลย เนื่องจากกลัวความผิดและไม่กล้าบอกใคร ประกอบกับกระแสสังคมแรงมาก ทำให้เกิดความเครียด จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจและกล่าวขอโทษคู่กรณี พร้อมมอบเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการปลอบขวัญเด็กและขอบคุณที่ไม่เอาเรื่อง

ขณะที่นายสมชาย พ่อของด.ช.คนัท เปิดเผยว่า ครอบครัวไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย ส่วนที่น.ส.ปนัสยาเข้ามอบตัวนับเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ซึ่งส่วนตัวก็สงสารเพราะต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ เมื่อได้พูดคุยและสอบถามพบเป็นญาติห่างๆ กัน จึงยืนยันจะไม่เอาเรื่องและค่ารักษาพยาบาล แต่ขอฝากเป็นเหตุการณ์อุทาหรณ์สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนให้ระมัดระวังเด็ก

ด้านร.ต.อ.ชาตรี ชัชวาลย์ รอง สว.(สอบสวน) ได้ตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บ และหลบหนี

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน