กรมศิลปากรตรวจสถานที่สำนักช่างสิบหมู่ เตรียมประกอบพระโกศจันทน์ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ อธิบดีเผยเจ้าหน้าที่กำลังออกแบบอยู่ เน้นสมพระเกียรติสวยงามประณีต เตรียมเปิดโอกาสให้ผู้มีฝีมือทางด้านนี้ร่วมด้วย ส่วนไม้จันทน์หอมนั้นรอส่งมอบจากกรมอุทยานฯ ด้านจังหวัดสุรินทร์จัดช้าง 189 เชือก พร้อมเพรียงหมอบกราบเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายความอาลัย โดยมีส่วนราชการทุกหมู่เหล่า นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวกว่า 15,000 คนร่วมกิจกรรมรำลึก ด้านลุงชมท้าวแสนปมตัดสินใจเข้ากรุงสักการะพระ บรมศพร่วมกับเทศบาลที่จะเป็นผู้พามาในช่วงปลายเดือนนี้ ชาวภูฏานพร้อมแฟนสาวชาวไทยสวมใส่ชุดประจำชาติเข้าถวายบังคมหน้าพระบรมโกศในพระที่นั่งดุสิตฯ

‘พระเทพฯ’เสด็จพระราชพิธีเช้า

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 36 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ หลังจากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 17 พ.ย.

จากนั้นในเวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ เป็นประธานในการบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารและวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯเสด็จราชพิธี

เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารและวัดราชสิทธา รามราชวรวิหาร จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรม ในการนี้ทรงนำลูกพลับจากสหรัฐ อเมริกามาถวายแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหา วิหาร จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรม

สำนักพระราชวังเผยยอดสักการะ

เวลา 16.00 น. สำนักพระราชวังได้ยุติการให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเปลี่ยนทางเข้าสักการะพระบรมศพ จากประตูมณีนพรัตน์มาเป็นประตูวิเศษไชยศรี และ โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงหลั่งไหลมาสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนที่เข้ามาสักการะพระบรมศพเดินเรียง 4 แถวอย่างเป็นระเบียบผ่านประตูพิมานไชยศรี และยืนตั้งแถวรอหน้าบริเวณพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าสักการะพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดยมีหน่วยกู้ภัย ลูกเสือ และเนตรนารี คอยให้บริการเข็นรถเข็นให้ผู้สูงอายุและ ผู้พิการที่เข้าสักการะพระบรมศพด้วย ซึ่งประชาชนที่ได้เข้าสักการะพระบรมศพต่างมีสีหน้าเศร้าโศก บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 21 ที่พระราช ทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวาย สักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 34,566 คน รวม 20 วัน มี 598,808 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,730,514.50 บาท รวม 20 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 42,627,291 บาท

ชาวภูฏานเข้าสักการะพระบรมศพ

นายดาว่า เชอริ่ง มัคคุเทศก์ชาวภูฏาน วัย 31 ปี สวมใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า “โก (GHO)” เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพด้วยความเคารพและศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงชักชวนแฟนสาวชาวไทย น.ส.ปรารถนา สมชะนะ แอร์โฮสเตสสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ วัย 40 ปี บินตรงจากประเทศภูฏาน มาถวายสักการะพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยเผยว่า มาต่อแถวเหมือนกับประชาชนคนไทยตั้งแต่ตี 3 จึงได้เห็นความจงรักภักดีของคนไทย ที่ตั้งใจมาถวายสักการะโดยไม่ย่อท้อ รู้สึกภาคภูมิใจแทนคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกเราชาวภูฏานรักและเคารพในหลวง ร.9 มาก

“สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มาแสดงความอาลัยในฐานะเป็นตัวแทนชาวภูฏานครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ผมตั้งใจมาเป็นตัวแทนของครอบครัว ซึ่งมีความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อทราบถึงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่ทรงทำเพื่อพัฒนาชาติ นอกจากบำบัดทุกข์บำรุงสุขคนไทยแล้ว พระประมุขของเรายังได้น้อมนำพระราชดำริด้านต่างๆ มาเป็นต้นแบบ เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศของเรา” นายดาว่า กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

น.ส.ชลิดา สุวรรณนาคร อายุ 28 ปี พสกนิกรจาก จ.ชลบุรี พร้อมครอบครัวตอนตี 4 และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ประมาณ 8 โมงเช้า ทั้งคู่เล่าพร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อว่า รู้สึกตื้นตันใจอย่างมากที่ได้เข้ากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าถามว่ารักในหลวง ร.9 แค่ไหน บอกได้เพียงรักมาก ท่านทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถและรักพสกนิกรทุกคนอย่างเท่าเทียม จึงอยากเดินตามรอยพระองค์พร้อมกับน้อมนำสิ่งที่ทรงสอนสั่งมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต อย่างเรื่องการทำงานก็ต้องทำด้วยความเต็มใจ ให้สุดความสามารถ

จิตรลดาแจกแซนด์วิช-เสื้อยืดเลข๙

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์ของสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนจิตรลดา ที่ประตูเทวาภิรมย์ ทางออกของพสกนิกรหลังจากเข้า สักการะพระบรมศพ ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ ผู้จัดการและผู้อำนวยการโรงเรียนจิตรลดา และอธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา พร้อมด้วยนักเรียนศิษย์เก่าและปัจจุบัน ได้นำขนมปังแซนด์วิชไส้ไก่หยองพริกเผา 5,000 ชิ้น, น้ำมะนาว และเสื้อยืด สีดำสกรีนเลขเก้าไทย 1,200 ตัว เพื่อแจกจ่ายพสกนิกรได้รับประทานอาหาร

อาหารพระราชทานจัดต่อเนื่อง

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 18 พ.ย. มื้อเช้าเวลา 07.00 น. ประกอบด้วย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส 1,500 ถ้วย กาแฟสดบาเรสต้า 600 แก้ว นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อเที่ยงเวลา 11.00 น. ข้าวราดแกงใต้ 2,000 จาน ไส้กรอกอีสาน 1,000 จาน ขนมไทย 300 ชุด มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง พายไก่- พัฟผักโขม-แยมโรล 1,000 กล่อง เฉาก๊วย ชากังราว 1,000 ถุง และมื้อเย็นเวลา 18.00 น. ข้าวเหนียวไก่ทอด 5,000 ชุด ขณะเดียวกัน มีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตรและน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ย้ายเต็นท์อาหาร-หน่วยแพทย์

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กองงานส่วนพระองค์ฯ แจ้งว่า ในวันที่ 19 พ.ย.จะย้ายจุดตั้งเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ไปยังบริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือเยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยจะรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชนที่แบ่งเป็นสัดส่วน อย่างไรก็ตามยังคงมีอาหาร ขนม เครื่องดื่มไว้บริการประชาชนครบ 4 มื้อดังเดิม ด้านทีมแพทย์ประจำพระองค์จะย้ายไปรวมกับศูนย์แพทย์ที่อื่นๆ บริเวณกึ่งกลางท้องสนามหลวง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและ ทั่วถึง

ขณะที่ เต็นท์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของเต็นท์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งประกอบด้วยหน่วยอาหารและหน่วยทีมแพทย์จะย้ายไปยังศูนย์อาหารและศูนย์แพทย์เช่นเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ของ กทม. ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเตรียมการสร้างพระเมรุมาศที่บริเวณทิศใต้ของสนามหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ภายในท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชนที่มาถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์ เภสัชกร และพยาบาล จาก ร.พ.จุฬาภรณ์ จำนวน 14 คน และจาก ร.พ.วิชัยยุทธอีก 11 คนมาให้บริการตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ พร้อมกันนี้ยังได้พระราชทานอาหาร และน้ำดื่มแจกจ่ายประชาชนเพื่อประทังความหิวระหว่างเข้าแถวรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ซึ่งเมนูพระราชทานในวันนี้ ได้แก่ ข้าวไก่ทอด 500 กล่อง ขนมและน้ำจำนวนหนึ่ง

ปคบ.ลงพื้นที่คุมสินค้าที่ระลึก

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงมาตรการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ว่า ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 พ.ย. เป็นต้นไป กองบังคับการตำรวจจราจร ได้ยกเลิกการปิดเส้นทางจราจรโดยรอบพระบรมมหาราชวัง จาก 27 เส้นทาง เหลือ 8 เส้นทางหลัก หลังจากนี้จะต้องเพิ่มกำลังตำรวจเข้าไปอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเต็มพื้นที่ กำลังตำรวจจะมากขึ้นเนื่องจากต้องให้เข้าไปดูแลพื้นที่ที่ยกเลิกปิดเส้นทาง และจะนำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาประจำตามจุดคัดกรองบางจุดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาด้วย ทั้งนี้ก็ถือเป็นมาตรการด้านความมั่นคง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ยอดนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้วตั้งแต่วันนที่ 1 พ.ย. จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 180,000 คน ส่วนคนหายพลัดหลงที่มีอยู่ประมาณ 200 คน เบื้องต้นได้นำส่งคืนผู้ปกครองทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ส่วนการดำเนินการกับผู้ค้าที่จำหน่ายสินค้าที่ระลึกของในหลวงเกินราคานั้น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จัดชุดปฏิบัติการ 16 ชุด ออกประชาสัมพันธ์และมีการกวดขันอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังปรับและประเมินสถานการณ์ทุกวัน พร้อมทั้งให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ให้ไปศึกษาว่าควรเพิ่มตำรวจ ตม.ตามจุด คัดกรองใดบ้าง

ตร.ร่วมจัดวันพลังแห่งความภักดี

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. มติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้จัดงานรวมพลังแห่งความภักดีเพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและร่วมกันรำลึกถึง ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการดำเนินการ 2 ส่วนคือในส่วนกลาง จะมีการจัดงานรวมพลังแห่งความภักดีในเวลา 08.00 น. วันอังคารที่ 22 พ.ย. ณ บริเวณหน้าอาคาร 1 ตร. โดยใช้แนวทางเดียวกับที่รัฐบาลปฏิบัติ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมงานในส่วนกลางนี้ประมาณ 1,000 นาย ส่วนที่สองคือส่วนภูมิภาคต่างๆ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการภาคต่างๆ รวมถึงผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมตามภูมิภาคต่างๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า ผบ.ตร.จะเป็นประธานพิธีเปิดโครงการมวลชนจิตอาสา เพื่อความมั่นคงถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง ในวันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.45 น. ณ บริเวณสนามศุภชลาศัย โดยจะมีระดับ รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้ว่าราชการจังหวัด แม่ทัพ ภาค 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 88 โรงพักในนครบาล รวมถึงมวลชนจิตอาสา ซึ่งรวมทั้งหมดประมาณ 4,400 คน ที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้

พสกนิกรยังหลั่งไหลถวายบังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง มีประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยจำนวนมาก เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ขณะที่การดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดคัดกรองตามจุดต่างๆ บริเวณทางเข้าสนามหลวง 8 จุด อาทิ แยกท่าพระจันทร์ แยกท่าช้าง หน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ผู้ที่เข้ามาภายในสนามหลวงทุกคน จะต้องถูกตรวจค้นสัมภาระ ค้นร่างกาย รวมทั้งตรวจบัตรประชาชน อย่างละเอียด ส่วนนักท่องเที่ยวจะต้องถูกตรวจพาสปอร์ตเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีตำรวจม้า และสุนัขตำรวจคอยเดินลาดตระเวนตรวจตราโดยรอบพื้นที่อีกด้วย

ศูนย์อาสาขาดแคลนน้ำดื่มแจกจ่าย

ที่ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers For Dad นายพุฒิธาดา จินดานิล ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการสิ่งของบริจาคประจำศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers For Dad กล่าวว่า ขณะนี้ทางศูนย์อาสาฯ ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่ม มา 3 วันแล้ว เนื่องจากในช่วงแรกมีการบริจาคน้ำเข้าเป็นจำนวนมากประมาณ 1,000 แพ็ก แต่ปัจจุบันมีการบริจาคเข้ามาเพียง 80 – 100 แพ็ก ขณะที่ต้องกระจายน้ำดื่มไปยังเต็นท์บริการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และประชาชนที่มาร่วมงาน อย่างน้อยวันละ 1,000 แพ็ก ประกอบกับในพื้นที่ไม่มีจุดเติมน้ำดื่ม ต้องแจกน้ำดื่มขวดเป็นหลัก ทำให้ปริมาณน้ำดื่มมีไม่เพียงต่อความต้องการของประชาชน ตอนนี้ทางศูนย์เหลือน้ำดื่มเพียง 15 แพ็ก

นายพุฒิธาดากล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ปัญหาตอนนี้ได้ให้น้องๆ อาสาที่เข้ามาช่วยงาน ใช้กระบอกน้ำเติมน้ำไว้กิน หรือใช้แก้วน้ำ เวลากินน้ำ พร้อมกันนี้มีหน่วยงานเอกชนนำเครื่องกรองน้ำมาตั้งให้บริการ 2 ตู้ด้วยกัน และนอกจากน้ำดื่มแล้ว ตอนนี้ที่ศูนย์ยังขาดแคลนยาสามัญประจำบ้าน โดยเฉพาะ ยาดม จึงขอให้ผู้มีจิตศรัทธา สามารถบริจาคน้ำดื่ม และยารักษาโรคกับเราได้โดยตรง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 09-1814-2076

ศูนย์เจริญจิตตภาวนาปลงธรรมฯ

ขณะที่บริเวณราชนาวีสโมสร ตรงข้ามประตูเทวาภิรมย์ มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกพระภิกษุสามเณร โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร และกองทัพเรือ ร่วมกันดำเนินงานมาตั้งแต่ 29 ต.ค.

พระบัวลือ ตปสีโล กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นจุดคัดกรองและบริการพระภิกษุสามเณรทุกรูป ที่ต้องการมายืนสงบนิ่งแสดงความอาลัย ด้วยการเจริญจิตตภาวนาปลงธรรมสังเวช พระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำหรับพระภิกษุสามเณรต้องเตรียมใบสุทธิ และบัตรประจำตัวพระภิกษุสามเณร ส่วนพระภิกษุสามเณรที่บวชใหม่ หรือบวชในโครงการ ต้องมีพระพี่เลี้ยงที่มีใบสุทธิ และบัตรประจำตัวพระภิกษุสามเณรพามา เพื่อระบุชื่อ วัดที่สังกัด และต่อคิวเข้าพระบรมมหาราชวังได้ โดยสามารถเข้าทีละไม่เกิน 40 รูป และไม่ต่ำกว่า 10 รูป เพื่อความเป็นระเบียบและสวยงาม ส่วนเวลาหลักกำหนดเข้า 09.00 น. และ 12.30 น. หลังจากเวลาดังกล่าวจะดูตามสถาน การณ์ความเหมาะสม ถ้ามีมาเกิน 10 รูป ก็สามารถนำเข้าได้อีก

พระมหาสุเทพ สุวัฑฒโน กองวิเทศ สัมพันธ์ มจร. กล่าวว่า ในแต่ละวันมีพระภิกษุสามเณรมาร่วมเจริญจิตตภาวนาปลงธรรมสังเวช พระบรมศพวันละ 90-100 รูป ทางศูนย์จึงต้องมีการคัดกรองตรวจสอบห้ามนำ โทรศัพท์ กล้อง และอาวุธ ส่วนย่ามต้องฝากไว้ที่ศูนย์ พระภิกษุสามเณรท่านใดต้องการมาเจริญจิตตภาวนาปลงธรรมสังเวชพระบรมศพต้องแต่งกายห่มคลุม พกสัมภาระมาเท่าที่จำเป็น และดูแลร่างกายให้พร้อม

ศตส.ยืนยัน-ไม่มีขรก.แทรกคิวแน่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการศูนย์ติดตามสถานการณ์ความสงบเรียบร้อย (ศตส.) แถลงผลการประชุมศตส. ถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนด้านการจราจร ว่า สำหรับเส้นทางการจราจรโดยรอบท้องสนามหลวงในวันที่ 19-20 พ.ย.นี้ จะปิด 8 เส้นทางรอบท้องสนามหลวง ส่วนการจัดพื้นที่จะเสร็จเรียบร้อยลงตัวใน วันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่งได้ปรับจุดเต็นท์ให้บริการอาหาร-น้ำดื่ม จุดบริการทางการแพทย์ ขณะเดียวกันยังคงจัดเก้าอี้ 12,000 ตัว เพื่อให้ประชาชนนั่งพักคอย

นายสุวพันธุ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำชับการปฏิบัติของข้าราชการว่าทุกส่วนราชการจะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเวรผลัดปฏิบัติหน้าที่ภายในพระราชพิธีรอบละ 100 คน ซึ่งเบื้องต้นมี 6 รอบ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีข้าราชการไปเกินจำนวน จึงทำความเข้าใจว่าต้องเป็นไปตามจำนวน 100 คนเท่านั้น โดยจะต้องติดบัตรแสดงตนก่อน ขณะเดียวกันจะกำหนดจุดผ่านเข้า-ออกให้ชัดเจน โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการประสานงานและดูแลในการปฏิบัติร่วมกับสำนักพระราชวัง ส่วนกรณีที่เกิดความเข้าใจผิดว่าข้าราชการของหน่วยงานรัฐแทรกคิวเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะข้าราชการที่แต่งชุดขาวมาเข้าเวร ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังให้เข้าไปกราบถวายบังคมพระบรมศพได้หลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่

น้ำใจหลั่งไหลช่วยลุงป่วยแสนปม

สำหรับความคืบหน้ากรณีนายชิติ เจริญรัตนประภา อายุ 60 ปี ซึ่งมีลักษณะเป็นท้าวแสนปม อาศัยอยู่ในกระต๊อบ หลังเล็กๆ ใน ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา ไม่สามารถออกไปทำงานได้ เพราะคนรังเกียจ อาศัยอยู่เพียงลำพัง อยากเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพนั้น

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักพบว่ามีประชาชนผู้ใจบุญจากทั่วประเทศโอนเงินช่วยเหลือ ผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำเหร่ ชื่อบัญชีนาย ชิติ เจริญรัตนประภา เลขที่บัญชี 0091648385 แล้วจำนวนถึง 136,000 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นหกพันบาท)และธนาคาร ออมสิน สาขาเบตง เลขที่บัญชี 200023921017 ชื่อบัญชีนายชิติ เจริญรัตนประภา ซึ่งมียอดบริจาคกว่า 3,000 บาท ขณะที่ผู้ใจบุญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากมีการนำเสนอข่าว ต่างได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือและให้คำแนะนำกันอย่างต่อเนื่อง

ด้านเทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์ นำโดยนายมะอูโซะ สาลัง นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ ได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดูแลและให้คำแนะนำต่างๆ อย่างใกล้ชิด และขอขอบคุณผู้ใจบุญทั่วประเทศที่ช่วยเหลือนายชิติ ถือว่าเป็นยอดเงินที่สูงมาก และเชื่อว่านายชิติจะใช้เงินเพื่อดูแลรักษาตัวเองอย่างคุ้มค่าและเต็มที่ที่สุด และชาวบ้านในพื้นที่จะเป็นกำลังใจให้นายชิติต่อสู้ต่อไปและเทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์ จะคอยเกื้อหนุนและช่วยเหลือนายชิติอย่างเต็มที่ต่อไป ส่วนยอดเงินจะแนะนำให้นายชิติทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้

นายมะอูโซะกล่าวว่า ตามที่นายชิติ มีความต้องการที่จะเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพนั้น เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์ ได้จัดให้นายชิติเดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่ของเทศบาลในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เมื่อเสร็จจากสักการะพระบรมศพแล้วก็จะเดินทางกลับมาอยู่ที่อำเภอเบตง

201611181258243-20160916135536

189 ช้างสุรินทร์-หมอบกราบ

ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดี ศรีณรงค์จางวาง จังหวัดสุรินทร์และองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดกิจกรรม ชาวสุรินทร์ร้อยดวงใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในงาน รวมช้าง รวมใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง ซึ่งจังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-20 พ.ย.นี้ โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีส่วนราชการทุกหมู่เหล่า นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวกว่า 15,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม มีการจัดบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ โดยวงออร์เคสตร้า จากโรงเรียนสุรวิทยาคาร จากนั้นขบวนชาวสุรินทร์ร้อยดวงใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง พร้อมช้างจำนวน 189 เชือก เดินออกจากหลังสถานีรถไฟสุรินทร์ เข้ามายังอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดี ศรีณรงค์จางวาง

นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นำส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษาและประชาชน พร้อมนักท่องเที่ยวประกอบพิธีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำสงบยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที จากนั้นได้บรรเลงเพลงล้นเกล้าเผ่าไทย ขับร้องโดย ศิรินทรา นิยากร และร่วมกันร้องเพลงภูมิแผ่นดิน นวมินทร์มหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งขณะที่ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ช้างจำนวน 189 เชือก ได้หมอบลงพร้อมกัน อย่างสวยงาม ทั้งนี้เพื่อร่วมไว้อาลัย

จัดงานแสดงช้างรวมใจไว้อาลัย

หลังจากเสร็จกิจกรรมชาวสุรินทร์ร้อยดวงใจ ไว้อาลัยพ่อหลวงแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดรวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างร่วมกันเลี้ยงอาหารช้าง จำนวน 189 เชือก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยทางองค์การบริหารจังหวัดสุรินทร์ได้จัดเตรียมอาหารช้างชนิดต่างๆ ทั้งกล้วย สับปะรด มันแกว ข้าวโพด อ้อย และแตงโม ไว้มากถึง 30 ตัน เพื่อเลี้ยงช้างที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยจัดเป็นโต๊ะอาหารช้างยาวถึง 400 เมตร ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ร่วมป้อนอาหารช้างอย่างใกล้ชิด

สำหรับงาน รวมช้าง รวมใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง ในวันที่ 19-20 พ.ย.นี้ จะมีการจัดแสดงช้าง ขึ้นที่สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป โดยจะมีองก์การแสดงรวม 4 องก์ด้วยกัน ประกอบด้วย องก์ที่ 1 ใต้ร่มพระบารมี,องก์ที่ 2 สุรินทร์เมืองช้าง,องก์ที่ 3 คชสารคู่บารมีคู่แผ่นดิน, องก์ที่ 4 รวมช้าง รวมใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง มีช้างจำนวน 160 เชือก และนักแสดงพันคนร่วมแสดงในฉากการแสดงสุดยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงความไว้อาลัย

ทร.ปีติร้องสรรเสริญบนรล.จักรีฯ

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร.เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันกองทัพเรือครบรอบ 110 ปีว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ตนนำข้าราชการกองทัพเรือจำนวน 2,500 นายร่วมขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ที่ลอยลำกลางอ่าวไทย พร้อมเรือหลวงตากสิน เรือหลวงนเรศวร เรือหลวง ปิ่นเกล้า และ เรือ ต.996 ซึ่งนอกจากเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้ว ยังได้ขับร้องเพลงความฝันอันสูงสุด และเพลงดาบของชาติ อันเป็นเพลงพระนิพนธ์ในพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ นับตั้งแต่การเสด็จนิวัตพระนครจนถึงเสด็จสวรรคต เพื่อแสดงความอาลัย

พล.ร.อ.ณะกล่าวต่อว่าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือธงและเรือบรรทุกอากาศยานลำแรกของราชนาวีไทย ที่กองทัพเรือได้ ขอพระราชทานชื่อเรือลำนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กองทัพเรือและเป็นขวัญกำลังใจ แก่กำลังพลประจำเรือ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามเรือหลวงลำนี้ว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศร แปลว่าผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2539 โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธี

นอกจากนี้ เรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสิน ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเรือทั้งสองลำนี้เช่นกัน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราช ดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจิมเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสิน เพื่อความเป็นสิริมงคลยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ที่ทรงมีแก่กองทัพเรืออย่างหาที่สุดที่มิได้

นายกฯเชิญชวนรวมพลังภักดี

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ในช่วงหนึ่งว่า วันอังคารที่ 22 พ.ย.นี้ เวลา 08.00 น. หลังเวลาเคารพธงชาติ รัฐบาลขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมกันแสดงความอาลัยและรวมพลังแห่งความภักดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์อย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยการร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ หรือ ณ สถานที่บริเวณหน้าสำนักงานที่ตนสังกัด รวมทั้งสถานประกอบการธุรกิจเอกชนและอื่นๆ ทั่วราชอาณาจักรไทย

สำหรับต่างประเทศพร้อมกัน ณ สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานที่ที่เหมาะสมในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. โดยให้มีการเคลื่อนย้ายน้อยที่สุด เพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าคนไทยประ เทศไทยมีความจงรักภักดีแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

แจก‘วิถีธรรมตามรอยพ่อ’

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ที่บริเวณประตูเทวาภิรมย์ นายศิระชัย โชติรัตน์ คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมด้วยนางนิพัทธา อมรรัตน์นเมธา คณะกรรมาธิการการเมือง สนช. ได้นำหนังสือ วีถีธรรมตามรอยพ่อ ซึ่งจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 มาแจกจ่ายแก่ประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ โดยนายศิระชัย กล่าวว่า สนช. ได้นำหนังสือการ์ตูนวิถีธรรมตามรอยพ่อมาแจกจ่ายแก่ประชาชนวันละ 1,000 เล่ม โดยสมาชิก สนช. จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแจกในช่วงบ่ายของทุกวัน ขณะนี้มีหนังสืออยู่ทั้งสิ้น 50,000 เล่ม จะนำมาแจกจ่ายจนกว่าจะหมด

วันเดียวกัน นายแพทริค เมอร์ฟีย์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ อเมริกา ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนายยูริ เฟโดทอฟ ผู้อำนวยการบริหารสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เดินทางมาลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

ช่างสิบหมู่สร้างพระโกศจันทน์

ที่สำนักช่างสิบหมู่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า สำหรับการตรวจสถานที่เพื่อเตรียมการ จัดสร้างพระโกศจันทน์ เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ขณะนี้ กรมศิลปากรรอการส่งมอบไม้จันทน์หอม ที่แปรรูปแล้วเสร็จจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชโดยจะใช้สถานที่บริเวณอาคารกลุ่มประณีตศิลป์ ภายใน สำนักช่าง สิบหมู่ โดยในวันเดียวกันนี้ได้มาตรวจสอบอุปกรณ์และสถานที่ เพื่อเตรียมความพร้อมสถานที่ในการจัดสร้างพระโกศจันทน์ และตรวจสอบบริเวณจัดเก็บผ้าทองย่นจำนวน 10,500 เมตร หนัก 900 กิโลกรัม ที่ส่งมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผ้าทองย่นจะ ใช้ในการประดับพระโกศ พระเมรุมาศ และบริเวณอาคารประกอบ

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการออกแบบพระโกศจันทน์ ทางกรมศิลปากรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสำนักช่างสิบหมู่เข้ามาออกแบบ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบ จะต้องมีความสวยงามและสมพระเกรียติ ส่วนขั้นตอนการจัดสร้างพระโกศจันทน์ เมื่อแปรรูปแล้วเสร็จจะอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำ โดยมีแนวคิดที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีฝีมือ ซึ่งเป็นประชาชนหรือกลุ่มนิสิตนักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสร้าง จะทดสอบฝีมือเบื้องต้น ซึ่งการทำงานจะอยู่ในการควบคุมของสำนักช่างสิบหมู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน