สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯโบสถ์พราหมณ์ ทรงประกอบพิธีพราหมณ์ บวงสรวงอธิษฐานจิต เตรียมงานถวายพระเพลิงพระ บรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ขนส่งเชียงใหม่สุดปีติ รถยนต์ในหลวงทรงจดทะเบียน ก-9999 เมื่อปี 2525 ลงพระนาม เป็นผู้ถือครองสิทธิ์ ทรงชำระภาษีมาตลอด มหาดไทยโต้โลกโซเชี่ยล แจงชาวต่างจังหวัดไม่มีช่องทางพิเศษเข้ากราบพระบรมศพ ยันไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ หากพบการกระทำ ไม่เหมาะสมให้แจ้งเจ้าหน้าที่ พสกนิกรยังเนืองแน่นสนามหลวง ต่อคิวเข้ากราบสักการะ พระบรมศพต่อเนื่องในวันหยุด เจ้าหน้าที่ เพิ่มกำลังดูแลรักษาความปลอดภัย ปีติสมเด็จพระบรมฯ พระราชทานอาหาร น้ำ ของว่าง แก่ประชาชน ‘บิ๊กอู๋’นำทีมเยาวชนจิตอาสาทำความดีถวายพ่อหลวง ชาวปกาเกอญอลงจากดอยแม่ระมาดเข้ากรุงสักการะพระบรมศพ ช้างสุรินทร์ร่วมแปรอักษรถวายความอาลัย

พระเทพฯเสด็จพระราชพิธีเช้า

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ และคุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่สามสิบเจ็ด ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพ ทรงกราบ หลังจากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่คืนวันที่ 18 พ.ย.

ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ดนุโชติ เทวกุล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

ฟ้าหญิงทรงบำเพ็ญพระกุศล

เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จมาบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

พระเทพฯ เสด็จพิธีบวงสรวง

เวลา 17.50 น. สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระเทวสถาน สำหรับพระนคร (โบสถ์พราหมณ์) เขตพระนคร เพื่อทรงประกอบพิธีบวงสรวงอธิษฐานจิต เพื่อเตรียมงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

จากนั้นเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหา ราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระพิธี ธรรม 8 รูปจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

เวลา 17.19 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงนำอาหารและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแจกให้กับประชาชน บริเวณประตูเทวาพิทักษ์ หน้าพระบรมมหาราชวัง

ปกาเกอญอเช่ารถตู้เข้าสักการะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันนี้ นับเป็นวันที่ 22 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมา ต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ในเวลา 05.00 น. ทุกคนยังอยู่ในความโศกเศร้า เสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา โดยวันเดียวกันนี้มีพสกนิกร เดินทางมาเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพหนาแน่นเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นวันหยุด และ มาจากหลายพื้นที่ซึ่งเดินทางมาตั้งแต่ค่ำคืน ที่ผ่าน อาทิ ชนเผ่ากะเหรี่ยง หรือปกาเกอญอ จาก อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่เหมารถตู้ออกเดินทางมาตั้งแต่ 6 โมงเย็นของวันศุกร์ และมาถึงสนามหลวงตอนตี 2 พร้อมเข้าคิวเพื่อเข้า สักการะพระบรมศพในทันที

ยายรวมลูกหลานเข้ากราบ

นางสุจิต ลิ้มจุฬารัตน์ อายุ 80 ปี ชาวนครศรีธรรมราช เดินทางมาพร้อมลูกหลานรวม 20 คน มาถึงบริเวณสนามหลวงตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 18 พ.ย. ด้วยความตั้งใจเข้ากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งในชีวิต กล่าวว่าประทับใจในน้ำพระทัยของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อพสกนิกร ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระองค์ท่านแล้ว เคยเฝ้าฯ รับเสด็จเมื่อครั้งเสด็จฯ ที่ อ.ปากพนัง ทรงลงไปช่วยประชาชนที่ประสบเหตุวาตภัย รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนัก จากนั้นตัวเองได้เข้าเป็นอาสาสมัครสภากาชาดไทยของจังหวัด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นผู้ให้ คอยช่วยเหลือผู้อื่น เพราะเห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานเพื่อประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ จึงสอนต่อลูกหลานให้ยึดหลักคำสอนในเรื่องความพอเพียง อดออม และเป็นคนดี

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เวลา 22.10 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 36,240 คน รวม 21 วันมี 635,048 คน ประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,534,846.75 บาท รวม 21 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 45,162,137.75 บาท

พระบรมฯพระราชทานอาหาร

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง ได้ย้ายมายังบริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือเยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชนที่แบ่งเป็นสัดส่วน และยังคงมีอาหาร ขนม เครื่องดื่มไว้บริการประชาชนครบ 4 มื้อดังเดิม ตามพระราชประสงค์ที่ สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาด เล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายประชาชน โดยมีนักเรียนจากมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) จำนวน 20 คน ผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมบริการประชาชนทุกวันเสาร์และอาทิตย์

จัดทีมแพทย์ประจำพระองค์

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 19 พ.ย. มื้อเช้าเวลา 07.00 น. ประกอบด้วย ข้าวต้มปลา 1,500 ถ้วย กาแฟสดบาเรสต้า 600 แก้ว นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อเที่ยงเวลา 11.00 น. ข้าวเหนียว ไก่ทอด 4,000 จาน ขนมไทย 300 ชุด มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ข้าวเหนียวหมูและข้าวเหนียวไก่ 1,000 กล่อง เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง น้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และมื้อเย็นเวลา 18.00 น. ผัดหมี่พิมาย 2,500 ชุด ยำหมูยอ 99 ก.ก. และน้ำดื่มจิตรลดาบริการประชาชนตลอดทั้งวัน

เจ้าหน้าที่กองงานส่วนพระองค์ฯ แจ้งว่า เต็นท์อาหารและน้ำดื่มพระราชทานกว้างมากขึ้น สามารถรองรับประชาชนที่เดินทางเข้ามาสักการะพระบรมศพได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ในเรื่องอาหารจะยังคงเป็นไปตามเดิม เพียงแต่ย้ายสถานที่ ขณะที่ทีมแพทย์ประจำพระองค์ จะย้ายไปรวมกับศูนย์แพทย์ที่อื่นๆ บริเวณ กึ่งกลางท้องสนามหลวง เพื่อความเป็นระเบียบ เรียบร้อย คาดอีก 2 วันจะบริการประชาชนได้

นร.ทุนพระบรมฯปีติ

หนึ่งในนักเรียนทุน ม.ท.ศ. น.ส.ธนพร แซ่ตั้ง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม. 6 จากโรงเรียนกุดชุมวิทยาคม อ.กุดชม จ.ยโสธร เล่าด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติว่า ตัวเองมาจากครอบครัวไม่สมบูรณ์ พ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับตาและยายตั้งแต่เกิด พอเรียนมาถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ตาเสียชีวิตเหลือแค่ยายคนเดียวชีวิตยิ่งลำบากมากขึ้น กระทั่งมาถึงชั้น ม.3 ครูแนะนำให้สมัครขอทุนจากโครงการดังกล่าว ก่อนที่จะได้เป็นนักเรียนทุน เหมือนคนที่มีแขนขาครบแต่ไม่มีแรง จากความฝันที่อยากเป็นวิศวกรแต่ไม่มีความหวัง แต่พอได้ทุนแล้วเหมือนมีพลังเกิดขึ้น ความฝัน ที่เคยวาดหวังไว้เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น หนังสือเรียนที่เคยอยากได้เพราะไม่มีเงินก็ซื้อมาอ่านได้ และจากการได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ตั้งปณิธานว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะกลับมาช่วยเหลือสนับสนุนผู้ด้อยโอกาส ดังที่ตนเองได้รับพระราชทานน้ำพระราชหฤทัยจากสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ขณะที่ เต็นท์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ภายในท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชนที่มาถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และ บุคลาการจากร.พ.วิชัยยุทธ ประชาชนส่วนใหญ่ ที่เข้ามารับการรักษามีอาการวิงเวียนและเป็นลม เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว

สนามหลวงแน่น-เพิ่มจนท.ดูแล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวงว่า แม้อากาศจะร้อนแต่ประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค ยังคงเดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมี เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มอาสาสมัครคอยจัดคิวอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พร้อมเพิ่มเต็นท์บริการและเพิ่มจำนวนเก้าอี้ไว้รองรับ รวมไปถึงการบริการด้าน อาหารและน้ำดื่ม

ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัย ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักศึกษาวิชาทหารเข้ามาประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดรอบท้องสนามหลวงเพื่อตรวจกระเป๋าสัมภาระค้นหาอาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย และเพิ่มช่องทางการเข้าจุดคัดกรองเป็น 3 เส้นทางคือ จุดคัดกรองด้านท่าช้าง จุดคัดกรองด้านถนนพระจันทร์ และจุดคัดกรองด้านโรงแรมรัตน โกสินทร์ โดยเปิดให้ประชาชนชุดแรกเข้าภายในพระบรมมหาราชวังตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น.เพื่อลดความแออัด ทางด้านการจราจร เจ้าหน้าที่ยกเลิกการปิดกั้นเส้นทางวงนอกทั้ง 19 เส้นทาง เปิดให้ประชาชนสัญจรได้ตามปกติ แต่จะยังคงปิด 8 เส้นทางด้านในเช่นเดิม

บิ๊กอู๋นำเยาวชนจิตอาสาทำความดี

ที่บริเวณสนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “เด็กไทยหัวใจ พม. ทำดีเพื่อ พ่อหลวง” โดยร่วมมือกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องนำเยาวชนจากทั่วภูมิภาคของประเทศร่วม 500 คน เป็นจิตอาสาคอยช่วยเหลือประชาชน

เตรียมคืนพื้นที่สร้างพระเมรุมาศ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในส่วนการจัดการพื้นที่ฝั่งใต้ภายในท้องสนามหลวง เจ้าหน้าที่ดำเนินการเคลื่อนย้ายหน่วยบริการอาหารมาไว้ฝั่งทิศเหนือทั้งหมดแล้ว เพื่อเตรียมการคืนพื้นที่ให้กรมศิลปากรจัดสร้างพระเมรุมาศ ทั้งนี้ ยังคงตั้งเต็นท์ไว้รองรับประชาชนที่เข้าคิวต่อแถวเพื่อป้องกันอากาศร้อน

วันเดียวกันนี้ยังเป็นวันแรกที่กอร.รส. เริ่มทดลองใช้บัตรลาคิวสำหรับประชาชนที่ต้องการออกไปทำธุระส่วนตัวนอกแถว โดยประชาชนสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อขอรับบัตรลาคิวชั่วคราวในกรณีมีเหตุจำเป็น เช่น เข้าห้องสุขา หากไม่แจ้งเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถเข้าไปนั่งในเต็นท์บริการได้ ต้องเริ่มต่อคิวเข้าแถวใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ยังไม่พบปัญหา การแทรกคิวแต่อย่างใด สำหรับการจัดระเบียบ แถวประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพนั้น โดยปกติแล้วจะปล่อยให้ประชาชนเข้ารอบละ 400-500 คน ซึ่งยังไม่พบปัญหาการลัดคิวหรือแทรกคิว

สำนักพระราชวังกำชับงดเซลฟี่

รายงานจากสำนักพระราชวังแจ้งว่า ในการประชุมร่วมระหว่างสำนักพระราชวังและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารระดับสำนักราชเลขาธิการที่เข้าร่วมประชุม ขอความร่วมมือสำนักนายกรัฐมนตรีให้กำชับข้าราชการ ที่มาปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรผลัดเฝ้าว่าไม่ควรถ่ายภาพเซลฟี่ในพระที่นั่งดุสิตฯ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสนุกสนาน แล้วนำไปเผยแพร่ทางโซเชี่ยล เนื่องจากมีลักษณะที่ไม่ให้เกียรติกับงาน พร้อมกันนี้ยังนำภาพถ่ายของข้าราชการ หน่วยงานหนึ่ง ในเครื่องแบบชุดขาวที่ถ่ายภาพเซลฟี่ ในพระที่นั่งดุสิตด้วยอิริยาบถสนุกสนาน แล้วเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยลมาให้สำนักนายกรัฐมนตรีดูเป็นหลักฐานด้วย

มท.ปัดปชช.ตจว.ได้สิทธิพิเศษ

กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกหนังสือชี้แจงถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนจากต่างจังหวัดมากราบถวายบังคมพระบรมศพว่า ตามที่ปรากฏข้อความทาง สื่อออนไลน์ว่าประชาชนจากต่างจังหวัด ที่กระทรวงมหาดไทยอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ มีการจัดเต็นท์พิเศษสำหรับประชาชนจากต่างจังหวัด แยกออกจากประชาชนทั่วไป และสามารถเข้าไปกราบถวายบังคมพระบรมศพได้เร็วกว่าแถวของประชาชนทั่วไป ตลอดจนเมื่อสังเกตลักษณะท่าทางของประชาชนกลุ่มดังกล่าวแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประชาชนในชนบทแต่อย่างใดนั้น กรมการปกครองในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็น เจ้าภาพในการอำนวยความสะดวกประชาชนดังกล่าวขอเรียนข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้ 1.กรมการปกครองได้พิจารณาเห็นว่าการที่ประชาชนจำนวนมากจากทั่วประเทศ ซึ่งล้วนมีความจงรักภักดีจะได้เข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพเพื่อให้ทั่วถึงนั้น หากให้ประชาชน ต่างจังหวัดแต่ละคนแต่ละกลุ่มเดินทางมากันเอง อาจจะเกิดความสับสนวุ่นวายทั้งเรื่องความปลอดภัยในการใช้พาหนะเดินทาง ความ เป็นระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนการจราจรในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตตามปกติของคนกรุงเทพฯ กรมการปกครองจึงได้ประสานงานกับจังหวัดต่างๆ เพื่อร่วมกันจัดระบบอำนวยความสะดวกประชาชนที่มีความประสงค์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.59-20 ม.ค.60 โดยกระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายให้นำประชาชนเข้ามากราบถวายบังคมได้ วันละประมาณ 3,000 คน จากจำนวนประชาชนที่สามารถเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทวันละ 30,000 คน

จัดตารางเดินทางวันละ 3 พันคน

กรมการปกครองระบุว่า ทางกรมจัดทำ ตารางเดินทางของประชาชนในแต่ละวันโดยแบ่งเป็น 4 ภาค ภาคละ 1 จังหวัด จังหวัดละ 750 คน รวมวันละ 3,000 คน กำหนดแผนการเดินทางในช่วงแรกไว้จำนวน 84 วัน สามารถอำนวยความสะดวกประชาชนจากต่างจังหวัดได้ทั้งสิ้น 252,000 คน ในขณะที่ประชาชน ในต่างจังหวัดทั้งประเทศมีอยู่ประมาณ 50-55 ล้านคน ถือว่าประชาชนในชนบทต่างจังหวัดมีโอกาสน้อยมากในการเดินทางเข้ามากราบถวาย บังคมพระบรมศพ 2.การคัดเลือกประชาชน ที่จะเป็นตัวแทนหมู่บ้าน ชุมชน เข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพนั้น ได้มอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจประชาชนที่มีความประสงค์ เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แล้วให้ประชาชนประชุมตกลงกันเองว่าจะให้ประชาชนคนใดในหมู่บ้าน เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ 3.กรมการปกครองกำหนดให้จังหวัดต้องจัดรถโดยสารที่มีคุณภาพ มีสมรรถนะ และความปลอดภัยสูง จะต้อง มีการตรวจสภาพรถ และความพร้อมของพนักงานขับรถก่อนการเดินทางทุกครั้ง

ย้ำไม่มีสิทธิหรือช่องทางพิเศษ

4.ในแต่ละวันประชาชนที่กรมการปกครอง อำนวยความสะดวกเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จะเริ่มเข้าสู่เต็นท์พักคอยบริเวณฝั่งทิศเหนือของท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 05.30 น. โดยจะร่วมเข้าแถวต่อจากประชาชนทั่วไปที่มาต่อแถวรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยไม่มีเต็นท์หรือแถวพิเศษเฉพาะประชาชนจากต่างจังหวัดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กรมการปกครองมีเป้าหมายอำนวยความสะดวกประชาชนที่มีข้อจำกัด ไม่สามารถ เดินทางมาด้วยตนเอง ได้มีโอกาสเข้ากราบพระบรมศพ รวมทั้งเพื่อให้การเดินทางของ พี่น้องประชาชนจากต่างจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และไม่สร้างปัญหาการจราจรหรือปัญหาอื่นๆ ในกรุงเทพฯ โดยจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปทุกประการ ไม่มีสิทธิพิเศษ หรือช่องทางพิเศษแต่อย่างใด หากมีการแอบอ้าง หรือมีการกระทำ ที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่กรมการปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์อำนวยการร่วมท้องสนามหลวงได้ตลอดเวลา

ผู้ลี้ภัยราชบุรีร่วมไว้อาลัย

ที่จ.ราชบุรี ผู้อพยพหนีภัยจากการสู้รบพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน กว่า 7,000 คน ร่วมใจแสดงความไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจัดแปรอักษรเป็นเลขเก้าไทย และคำว่า “REFUGEE ผู้ลี้ภัย” ที่ศูนย์อพยพบ้านถ้ำหิน หมู่ที่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง

นักโทษสีคิ้วแปรตราสัญลักษณ์

ที่สนามฝึกระเบียบแถว ฝ่ายควบคุมแดน 5 เรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ นำผู้ต้องขัง 808 คน จัดกิจกรรมโครงการแปรอักษรเพื่อถวายความอาลัย โดยจัดแถววิ่งแปรขบวนเป็นภาพตราสัญลักษณ์ ภปร, ภาพรัชกาลที่ 9 ทรงงาน พร้อมเลขเก้าไทย, ข้อความ “ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้ รจก.คลองไผ่ จากนั้นร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ช้างสุรินทร์นับร้อยแปรอักษร

เวลา 09.00 น. ที่สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.สุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานแสดงช้างประจำปี 2559 จังหวัดสุรินทร์ วันแรก ภายใต้ชื่องาน “รวมช้าง รวมใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง” โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าชมกว่า 15,000 คน โดยมีการแสดง 4 องก์ ดังนี้ องก์ที่ 1 ใต้ร่มพระบารมี องก์ที่ 2 สุรินทร์เมืองช้าง องก์ที่ 3 คชสารคู่พระบารมีคู่แผ่นดิน และ องก์ที่ 4 รวมช้าง รวมใจ ไว้อาลัยพ่อหลวง ด้วยการแปรอักษรด้วยช้างนับร้อยเชือก เป็นเลข 9 ภายในกรอบรูปหัวใจ และมีนักแสดงทหารโบราณยืนแปรอักษรเป็นคำว่า SURIN อย่างยิ่งใหญ่สวยงาม นอกจากนี้ ยังมีการจัดโต๊ะอาหารช้าง ยาวกว่า 400 เมตร น้ำหนักกว่า 30 ตัน

วธ.เผยแพร่ภาพพระราชพิธี

ที่ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ จัดแสดงภาพงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2559 โดยคัดเลือกภาพจำนวนกว่า 100 ภาพที่ยัง ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนนำมาจัดแสดง ภายในนิทรรศการยังจัดฉายภาพยนตร์พระราชกรณียกิจ และเปิดให้ประชาชนร่วมบันทึก คำปฏิญาณตน “ตามรอยพระราชปณิธาน เพื่อบันทึกลงจดหมายเหตุฉบับประชาชน ผู้สนใจเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 19-30 พ.ย.

ไก่อูเชิญชวนส่งภาพพลังภักดี

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ขอเชิญชวนประชาชนในทุกพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดี” ในเช้าวันที่ 22 พ.ย. ส่งภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ ภาพบรรยากาศและกิจกรรมที่จัด เข้าไปในเฟซบุ๊กของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อร่วมกันบันทึกภาพพลังแห่งความภักดีให้ได้มากที่สุด จากทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ ทุกชุมชน ไม่ว่าจะจัดกิจกรรมที่ใด ในสถานที่ราชการ ห้างร้าน อาคารสำนักงาน ชมรม สหกรณ์ ศาลาประชาคม วินมอเตอร์ไซค์ โรงเรียน โรงพัก โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ที่ว่าการอำเภอ ขอให้ร่วมใจกันส่งภาพกิจกรรมในพื้นที่มาให้มากที่สุด เพื่อร่วมบันทึกกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยกรมประชาสัมพันธ์จะตัดต่อและคัดเลือกภาพและคลิปวิดีโอที่ส่งมานำมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT และ NBT World

เชียงใหม่ปีติจดทะเบียนรถร.9

วันเดียวกัน นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการสืบค้นของ เจ้าหน้าที่ขนส่งเชียงใหม่ ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ทรงนำรถยนต์พระราชพาหนะ จดทะเบียนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2525 หมวด ก-9999 เชียงใหม่ เป็นรถยนต์พระที่นั่ง ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย 1) เก๋งสองตอน ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ซึ่งปัจจุบันได้เทียบหมวดอักษรใหม่ เป็น กก 9999 รถยนต์คันดังกล่าวชำภาษีเรื่อยมาจนถึงล่าสุดจะสิ้นสุดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 นี้ เป็นระยะเวลา 34 ปี นับเป็นความปลาบปลื้มใจต่อชาวขนส่งเชียงใหม่ ในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ เป็นพระราชพาหนะเพียงคันเดียวที่ระบุพระนามชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่อยู่ พระตำหนักสวนจิตรลดา ถ.พระราม 5 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นพระราชพาหนะเพียงคันเดียวที่จดทะเบียนไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้ในพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ล่าสุดทราบว่าพระราชพาหนะนี้นำไปอยู่ที่โครงการชั่งหัวมันตาม พระราชดำริ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ตอนนี้ต้นขั้ว พระนามเจ้าของรถจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี จากใบแรกเต็มพื้นที่ก็ได้เพิ่มเป็นใบที่สอง ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดทำนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับโครงการต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน