แจ้งจับ ‘เบส-อรพิมพ์’ ฐานพูดหมิ่นคนอีสานทั่วประเทศ ทนายเตรียมพาชาวบ้านเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่ม แชร์ว่อนเน็ตป้ายพรึบถนนมิตรภาพต้าน‘เบส’ ยาวตั้งแต่วังน้อยถึงโคราช วอนให้หยุดพูดสร้างความแตกแยก เหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน ส่วนห้างดังหัวหินยกเลิกกิจกรรมทอล์กโชว์ หวั่นกระทบความรู้สึกคน ขณะที่ดารานักแสดงก็แห่โพสต์ติติง ด้านนักพูดสาวโพสต์ไอจีกราบขอโทษจากหัวใจอีกครั้ง ‘วินธัย’ โต้ไม่เคยจ้างมาพูด

จากกรณีสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ‘เบส’อรพิมพ์ รักษาผล นักพูดสาวที่พาดพิงถึงคนอีสาน เมื่อครั้งไปพูดเมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่ จ.มหาสารคาม จนกลายเป็นกระแสดราม่าอย่างหนัก โดยสังคมออกมาติติงการพูดที่ทำให้คนเข้าใจผิด โดยเฉพาะดารานักแสดงซึ่งเป็นคนอีสานต่างพากันรับไม่ได้ ล่าสุด ‘เบส’อรพิมพ์ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่มีเจตนาหยามหมิ่นคนอีสานและขอโทษ โดยระบุที่เข้าใจผิดเพราะเป็นช่วงการบรรยายที่ตัดมาแค่ช่วงนั้น ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมือง นนทบุรี นายคารม พลพรกลาง ทนายความ ชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เข้าพบ ร.ต.ท.หญิง สิตานัน โฉมกันดี รองสว.(สอบ สวน) สภ. รัตนาธิเบศร์ เพื่อแจ้งความกรณีเบส-อรพิมพ์ ได้พูดหมิ่นประมาทคนอีสาน พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารจากอินเตอร์เน็ตและหนังสือพิมพ์มอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีด้วย

นายคารมกล่าวว่า จากกรณีที่เบส อรพิมพ์ พูดบรรยายมีใจความพาดพิงถึงคนอีสานและเผยแพร่คำพูดดังกล่าวไปทั่วประเทศผ่าน โซเชี่ยลและหนังสือพิมพ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ถือว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทคนอีสานทั่วประเทศ ทั้งที่บุคคลที่เป็นนักพูดและพูดต่อหน้าสาธารณชนต้องใช้สติและความสำนึกคิดที่เหมาะสมผ่านการไตร่ตรองแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง จากการพูดเช่นนั้นถือว่าคนอีสานทุกคนได้รับความเสียหาย

นายคารมกล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ในฐานะคนอีสานจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับเบส อรพิมพ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท และมาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์หรือตัวอักษรทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ กระทำโดยการกระจายเสียงหรือการกระจายภาพหรือโดยการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 2 แสนบาท โดยหลังจากนี้จะพาคนอีสานที่เป็นผู้เสียหายในจังหวัดต่างๆ เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติมด้วย

สำหรับกระแสต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์นักพูดสาว ล่าสุดในสังคมออนไลน์ มีการแชร์ป้ายต่อต้าน ‘เบส’อรพิมพ์ ที่ถูกติดบนสะพานลอยบริเวณถนนมิตรภาพช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เส้นทางไป จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา จำนวนหลายสิบป้าย โดยมีใจความคล้ายคลึงกัน อาทิ “ขอให้ เบส หยุดพูดสร้างความแตกแยก” หรือ “เหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน” ซึ่งคาดว่าเป็นผลพวงจากการที่มีการแชร์คลิปการพูดของเบสที่พาดพิงถึงคนอีสาน

ขณะที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก HuaHin Market Village ยกเลิกกิจกรรมทอล์กโชว์ของเบส-อรพิมพ์ โดยระบุเหตุผลว่า แจ้งยกเลิกกิจกรรมทอล์กโชว์ของคุณเบส อรพิมพ์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกของทุกท่าน และเพื่อไม่ให้กระทบต่อกิจกรรมถวายความอาลัยที่จัดขึ้นสำหรับชาวหัวหินและนักท่องเที่ยวทุกท่าน ทั้งนี้กิจกรรมอื่นยังดำเนินงานตามปกติ

ส่วนบรรดาดารานักแสดงและศิลปินที่เป็นคนอีสานต่างออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้จำนวนมากเช่นกัน โดยแคนดี้ รากแก่น หรือชาณัชชา รากแก่น นักจัดรายการวิทยุ ทายาทของหมอลำชื่อดัง บานเย็น รากแก่น โพสต์ถึงเรื่องนี้สรุปว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่เริ่มจากปัญหาเล็กๆ ที่ปล่อยให้เรื้อรัง เพราะงั้นหนูจะเป็นนักพูด ต้องศึกษาจิตวิทยา เพื่อเข้าถึงจิตใจคน ถ้าได้โจทย์เพื่อปลุกจิตใจคน คุณต้องรู้ก่อนว่า เค้ากำลังรู้สึกอะไร หรือต้องการอะไร ไม่ใช่ตัวเองรู้สึกหรือคิดอะไร เพราะสิ่งที่บรรยายหมายถึงสิ่งที่ตัวเองคิดล้วนๆ ส่วนที่อยากได้ยินคือขอโทษ

ขณะที่สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย ชาว จ.ขอนแก่น โพสต์สรุปว่า “โอ้ยๆ บ่อยากสิพากษ์ เว้ามาได้จังได๋ว่ะ นักเว้าเอ้ย! มื่อหลังมาเรียนเว้ากับ นักมวยแน่เด้อ”

วันเดียวกัน ‘เบส’อรพิมพ์ ได้ชี้แจงผ่าน อินสตาแกรม @best_orapim ระบุว่า “เพจ เบส อรพิมพ์ รักษาผล ภายในเฟซบุ๊ก รวมถึงเพจและอินสตาแกรมอื่นๆ นั้น เป็นเพจปลอม ไม่ใช่ของเธอแต่อย่างใด และขอกราบขอโทษจากหัวใจอีกครั้ง”

ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีการจ้างเบส อรพิมพ์ ไปพูดในหน่วยงานของทหารว่า กองทัพไม่ได้จ้างและไม่ได้เป็นคนของกองทัพ แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมากองทัพเคยเชิญอาจารย์ รวมถึงดารา นักร้อง นักแสดงมาร่วมทำกิจกรรมของกองทัพในงานต่างๆ อยู่เป็นประจำ ส่วนสาเหตุที่เชิญเบส อรพิมพ์มาพูดบ่อยครั้ง เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เป็นอย่างดี

ขณะที่พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ขอยืนยันว่าเบส อรพิมพ์ ไม่ได้เป็นเครื่องมือของกองทัพตามที่วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งอยากให้มองว่าเบสเป็น ผู้หญิงที่เก่ง มีความกล้า และเป็นนักพูดที่ดี ให้ข้อคิดอะไรต่างๆ ได้ รวมทั้งเป็นคนที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันกองทัพมีบทบาทในการปกป้องและเทิดทูนสถาบัน ดังนั้นกองทัพจึงเชิญมาเป็นวิทยากรบรรยาย และให้ข้อคิดเกี่ยวกับสถาบัน อีกทั้งขอย้ำว่าไม่ใช่แค่เบสคนเดียวที่กองทัพเชิญมาบรรยาย หากแต่ใครที่จงรักภักดีและถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี มีข้อคิด น่าฟัง น่าสนใจ กองทัพก็เชิญมาบรรยายทั้งนั้น

พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนการที่เบสไปพูดพาดพิงคนอีสานนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้ดูที่เจตนามากกว่า เพราะทุกวันนี้สังคมไทยยังมีกลุ่มคนที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มีอยู่ที่พบตามโลกโซเชี่ยลและยูทูบ ซึ่งเบสน่าจะหมายถึงคนพวกนี้มากกว่า

“ผมอยากให้มองว่าน้องเบสเป็นผู้หญิงที่กล้า เป็นคนเก่ง ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี แต่การที่เธอพูดอะไรไปแล้วกระทบพาดพิงใครก็ตามจนเป็นเรื่องเป็นราว ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรได้ แต่อยากให้มองว่าน้องเบสมีความจงรักถักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมีข้อความป้ายผ้าระบุว่า ขอให้เบสหยุดพูดสร้างความแตกแยก หรือเหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน ที่สะพานลอยบนถนนมิตรภาพ ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า คสช. เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ลดภาวะความวุ่นวายและความแตกแยก เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งการที่มีปรากฏ การณ์ดังกล่าว คสช.จึงมีหน้าที่คอยตักเตือนประชาชนให้รับฟังข้อมูลในโลกออนไลน์ให้อยู่บนพื้นฐานของสติและเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ไม่ใช่ว่าฟังอะไรมาก็ว่าไปตามนั้น แล้วก็ไปโกรธเกลียดกัน จึงถือเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน