ศาลอนุมัติหมายจับ “สันธนะ ประยูรรัตน์” 9 หมายข้อหากรรโชกทรัพย์ บิ๊กโจ๊กนำทีมบุกล่าตัว ลั่นเอาผิดฟอกเงินด้วย ชุดอรินทราชครึ่งร้อยพร้อมอาวุธครบมือลุยค้นคอนโดฯหรูพหลโยธินเพลส แต่เข้าห้องไปแล้วไม่พบตัว เจอแต่กระต่ายเลี้ยงไว้ในกรง แต่ยึดเอกสาร พร้อมตรวจดีเอ็นเอเป็นหลักฐาน ขณะที่สันธนะระบุติดธุระต่างจังหวัด ขอเข้ามอบตัว 12 พ.ค.นี้ ด้านวิระชัยลุยค้นโรงงานอาหารเสริมย่านปทุมฯ พบใส่สารอันตรายในตัวยา ระบุเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ลีน หลังมีคนกินแล้วตาย

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เรียกรับเงินจาก ผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมืองว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล หลังจากพ่อค้าแม่ค้าเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกว่า 200 คน และจากการตรวจค้นสำนักงานที่ ตลาดใหม่ดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นศาลพิจารณาคำร้อง อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ข้อหากรรโชกทรัพย์ จำนวน 9 หมาย นอกจากนั้น ยังออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 10 คน รวม 45 หมายจับ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ที่ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ ถึง 9 หมาย เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งข้อหากรรโชกทรัพย์นั้นเข้ามูลฐานความผิดฟอกเงิน ส่วนที่ถามว่าเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียนั้น ตามกฎหมายคำว่าผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียไม่ได้บัญญัติไว้ แต่ลักษณะการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ในข้อหากรรโชกทรัพย์แล้ว ทุกอย่างมีหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดเจนศาลจึงได้กรุณาออกหมายจับ ส่วนที่ พ.ต.ท.สันธนะ อ้างว่าเป็นการเก็บค่าส่วนกลาง เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องไปชี้แจงต่อศาลเอง

ด้านพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ระบุว่า ศาลอนุมัติหมายจับตน ในข้อหากรรโชกทรัพย์ จำนวน 9 หมาย ยืนยันว่า พร้อมจะเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน. ดอนเมืองแน่นอน แต่เนื่องจากขณะนี้ตนเองยังอยู่ระหว่างทำธุระส่วนตัวที่ต่างจังหวัด คงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯไม่ทันในวันนี้ จึงขอ นัดหมายเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ในวันที่ 12 พ.ค. เวลา 17.00 น. ทั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่หลบหนี ตามที่เคยยืนยันไว้ก่อนหน้านี้

ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วยพ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 ตร.บก.สืบสวน บช.น. หน่วยอรินทราช และสน.บางซื่อ กว่า 50 นาย พร้อมอาวุธครบมือ นำหมายค้นเข้าบุกคอนโดฯ หรูพหลโยธินเพลส ซอยพหลโยธิน 8

ทราบว่าห้องพักของพ.ต.ท.สันธนะ คือห้องเลขที่ 412/248 ชั้น 15 เมื่อถึงบริเวณหน้าห้องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณสอบถามว่ามีบุคคลใดอยู่ภายในห้องดังกล่าวให้เปิดประตู ตามกรรมวิธีการเข้าตรวจค้นหลังจากที่ศาลอนุมัติหมายค้นและหมายจับ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเปิดประตูจึงได้ตามช่างทำกุญแจมาไข

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า นำเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงภายในห้องดังกล่าวพร้อมตรวจยึดเอกสาร ภายหลังที่ศาลได้ออกหมายค้นดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเราตรวจค้นตามหมายค้นของศาลอาญา ส่วนพ.ต.ท.สันธนะ จะมอบตัว หรือไม่นั้น เราไม่สน ในเมื่อเขามีหมายจับเราต้องติดตามจับกุมให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ติดต่อช่างกุญแจมาเปิดห้อง แต่พบว่าใช้เวลานานกว่า 30 นาที จนสามารถเปิดได้ แต่พบว่าภายในเหมือนจะมีคนอยู่ จึงให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์พังประตูเข้าไป พร้อมให้ชุดอรินทราชที่อยู่ด้านนอก คอยคุ้มกันอีกชั้นหนึ่ง พบว่าด้านในมีการเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำ มีกระต่ายอยู่ภายในกรง 1 ตัว สีดำ-ขาว และตรวจพบตั้งเสียบหม้อหุงข้าวเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า พ.ต.ท.สันธนะออกไปได้ไม่นาน และรู้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น จึงหลบหนีออกไปก่อน

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บดีเอ็นเอ ที่อยู่ภายในห้องเช่น เส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณท่อน้ำทิ้ง รวมไปถึงการตรวจยึดเอกสารต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน

ภายหลังการเข้าตรวจค้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนผู้ต้องหา 11 คน 45 หมายจับ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ ส่วนการสืบสวนจับกุมของตำรวจเรื่องการมอบตัวหรือไม่มอบตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การสืบสวนติดตามจับกุมจะต้องทำก่อน เพราะต้องปฏิบัติตามหมายศาล จากการเข้าตรวจค้นยังไม่พบบุคคลอยู่ในห้อง เคลียร์พื้นที่หมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจค้นเอกสารต่างๆ ส่วนการติดต่อขอเข้ามอบตัวยังไม่มีการติดต่อเข้ามามอบตัวแต่อย่างใด การเข้าตรวจค้นครั้งนี้มีผู้จัดการอาคารชุด หรือผู้จัดการนิติบุคคลนำเข้าตรวจค้น และยืนยันว่าเป็นห้องของพ.ต.ท.สันธนะจริงๆ ทั้งนี้มีร่องรอยการเข้ามาอาศัยพักอยู่เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่พบตัว ซึ่งก็ไม่เป็นไร ในส่วนของชุดสืบสวนทั้งหมดระดมทีมงานทำงานอยู่แล้วก็ต้องปฏิบัติตามหมายศาล ล่าสุดประสานทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เพิ่มความเข้มงวด รวมทั้งกำลังทหารในพื้นที่บริเวณริมชายแดนช่องทางธรรมชาติต่างๆ หากพบบุคคลตามหมายจับก็สามารถจับกุมได้ทันที และยังไม่พบข้อมูลว่าผู้ร่วมก่อเหตุที่เป็นบุคคลตามหมายจับเป็นบุคคลคนมีสีหรือข้าราชการ

“สังคมเห็นแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย การจะบอกว่าเป็นการกระทำความผิดก็ต้องอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐานและการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด แล้วขออนุมัติหมายจับต่อศาล ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับมาให้ถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนจะมีความผิดในส่วนอื่นหรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไป ทั้งการเสียภาษี การบุกรุก พ.ร.บ.อาคาร หรือเรื่องของผู้เสียหายที่อาจมีมากกว่านี้ก็ต้องดำเนินการ การกระทำความผิดก็ต่างกรรมต่างวาระ 1 คน 1 ความผิด 1 หมายจับ ซึ่งจะต้องดูจากจำนวนผู้เสียหาย ต้องบอกว่าตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าได้รับความเป็นธรรมแน่นอน”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่จะต้องจับรุ่นพี่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ก็ทำไปตามกฎหมายอำนาจหน้าที่ ส่วน 10 คนที่ถูกออกหมายจับด้วย เป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มของพ.ต.ท.สันธนะ ส่วนเรื่องมูลค่าความเสียหายนั้นตามคำให้การถูกเรียกเก็บร้านละ 2,500-3,000 บาท ซึ่งจะต้องไปดูว่ามีกี่ร้านค้าที่ถูกเรียกเก็บ เบื้องต้นมีประมาณ 300 ร้าน

ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการตั้งชุดทำงานในคดีที่เกี่ยวข้องกับการบุกค้นตลาดใหม่ดอนเมืองว่า ตนมีคำสั่งตั้งพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. เป็นประธานชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าสับสนตรงไหน ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก โดยตอนแรก เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ตั้งพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ให้ทำด้านสืบสวน และต่อมาวันที่ 9 พ.ค.ก็ให้ทำด้านสอบสวนด้วย ขณะที่พล.ต.อ.วิระชัยเป็นรองประธานชุดสอบสวน ก็ยังดูเรื่องเมจิก สกิน เหมือนเดิม ส่วนของพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ให้ดูในภาพรวม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดใหม่ดอนเมืองทั้งหมด โดยเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว

เมื่อถามว่าเน้นย้ำในประเด็นที่มีผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่าต้องรอให้มีการสอบสวนเสียก่อน หากเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย

เมื่อถามว่ากรณีนี้มีอดีตนายตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องจะกระทบต่อการทำคดีหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่าไม่มีปัญหา แต่ต้องขอดูรายชื่อก่อนว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นผู้มีอิทธิพลด้วยหรือไม่ ตอนนี้เป็นแค่การพูดกันเท่านั้นเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.สันธนะโทรศัพท์หา พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่ามันจบไปแล้ว ไม่มีอะไร ต่อไปนี้เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย “ใครโทร.มาผมก็รับ ผมว่างผมก็รับ ถ้าไม่ติดงานราชการอยู่ เมื่อเช้าชูวิทย์ (นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พิธีกรข่าว และอดีตนักธุรกิจสถานบริการชื่อดัง) ใช้เบอร์ไพรเวตโทร.มา ผมก็รับ ทั้งที่นั่งสอบผู้ต้องหาอยู่ที่ศูนย์สืบนครบาล เบอร์ผมเป็นเบอร์สาธารณะอยู่แล้ว ใช้มาตั้งแต่ยังเป็นร.ต.อ.เลย 6379857 นี่ บางทีคนบ้าโทร.มาผมก็คุยเป็น 10 นาที ผมก็ต้องทนฟัง” ผบ.ตร.กล่าว

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 14.30 น. ที่บริษัท ไวทัล เฮลท์ โปรดักส์ จำกัด พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากองค์การอาหารและยา หรือ อย. นายณรงค์เดช สุขจันทร์ เลขานุการฝ่ายตรวจการผลิตภัณฑ์ฮาลาล สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประเทศไทย นำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ 204/2561 ลงวันที่ 11 พ.ค. เข้าตรวจค้น บริษัท ไวทัล เฮลท์ โปรดักส์ จำกัด เลขที่ 55/31 ถนนทางหลวงชนบทสาย 3004 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ลักษณะโรงงานมีเนื้อที่ราว 200 ตารางวา อาคารสำนักงานสูง 3 ชั้น มีห้องแบ่งซอย 6 ห้อง ไว้สำหรับห้องผสมตัวผลิตภัณฑ์ ห้องบรรจุผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมีทั้งชนิดเม็ดแคปซูล ชนิดบรรจุขวด พบห้องส่วนผสมต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอกสารและส่วนผสมทั้งหมดไปตรวจสอบ

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการตรวจค้นอาหารเสริมเมจิกสกิน และขยายผลไปหา อาหารเสริม ลีน และยาลดความอ้วน ยี่ห้อต่างๆ ที่บริโภคและเสียชีวิต จึงขยายผลไปยังผู้บริโภคยา รวมไปถึงขายปลีก ขายส่ง ตลาดกลางขายยาที่อันตราย ซึ่งได้ไปตรวจค้นมาแล้ว นั่นคือ ตลาดใหม่ดอนเมือง หลังจากนั้นจึงขยายผลไปยังโรงงานผลิต จากการสืบสวนทราบว่าโรงงานแห่งนี้เปิดมาหลายปีแล้ว เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม จำพวกยาลดความอ้วน จากการสุ่มตัวอย่างในอาหารเสริมที่โรงงานแห่งนี้ผลิต พบว่ามีส่วนผสมของไซบูทรามีน ที่มีคุณสมบัติ ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท อาจมีผลแก่ความตาย เราจึงได้มาตรวจค้นที่นี่ จากการตรวจสอบ เป็นโรงงานผลิตยาลดความอ้วนจริง

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ยังพบตราฮาลาล ซึ่งเป็นตราที่บ่งบอกว่าสินค้านี้ ชาวมุสลิมสามารถรับประทานได้ ติดบนกล่องอาหารเสริม จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นตราฮาลาลปลอม และพบสารตั้งต้นอีกหลายชนิด เป็นลักษณะเป็นยาแผนปัจจุบัน แต่ทำมาใส่ในอาหารเสริม ดังนั้นจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาและอาหาร ในฐานผลิตอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะปกติแล้วห้ามนำยามาผสมกับอาหารโดยเด็ดขาด เช่นเดียวกับ ลีน ที่ข้างกล่องเขียนว่าเป็น อาหารเสริม แต่จากการตรวจสอบมีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบัน คือ ไซบูทรามีน ดังนั้นจึงมีความผิดฐานเดียวกัน

“จากการตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ เป็นโรงงานที่ผลิตในนามชื่อแบรนด์ต่างๆ ด้วย ซึ่งจะต้องขยายผลไปถึงชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตต่างๆ นั้น มีแบรนด์ใดบ้างที่ผิดกฎหมาย โดยโรงงานแห่งนี้ผลิตให้กับแบรนด์ประมาณ 2-3 แบรนด์ และมีอีกหลายแบรนด์ที่ไม่มีตรา ไม่มียี่ห้อ และไม่มี อย.” พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบส่วนผสมต่างๆ ที่แต่ละแบรนด์ส่งมาให้ผลิต จากการตรวจสอบพบสูตรผลิตอาหารเสริมต่างๆ ประมาณ 3-4 แฟ้ม ขนาดใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่จะนำสูตรต่างๆ รวมไปถึงส่วนผสมและอาหารเสริมที่โรงงานแห่งนี้ผลิตกลับไปตรวจสอบว่ามีสารที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ หากมี ก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งผลิตยาทันที และจะตรวจสอบไปยัง การขออนุญาตตั้งโรงงานว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ด้วย ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการสั่งปิดโรงงาน เนื่องจากต้องรอหลักฐานการตรวจพิสูจน์ของตัวอย่างส่วนผสมว่าสารต้องห้ามที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ หากพบจะดำเนินการภายหลัง

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนของผลการชันสูตรทั้ง 4 รายที่เสียชีวิตจากอาหารเสริม ลีน นั้น แพทย์ลงความเห็นว่า เสียชีวิตจากสารไซบูทรามีน ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เอาผิดกับเจ้าของอาหารเสริม ลีน คาดว่าอาจจะมี ความผิดในฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาถือว่าประสงค์ต่อผลและเล็งเห็นผลในการกระทำนั้น ต่างกรรมต่างวาระ 1 ศพ ต่อ 1 คดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน