ครม.สั่งให้ชดเชยวันหยุด ปีใหม่แก่ ขรก.รัฐวิสาหกิจทั่วประเทศให้ได้รวม 4 วัน เนื่อง จากวันที่ 31 ธ.ค.2559 และวันที่ 1 ม.ค.2560 ตรงกับเสาร์-อาทิตย์ จึงให้หยุดในวันจันทร์ที่ 2 ม.ค.-อังคารที่ 3 ม.ค.ด้วย นอกจากนี้ยังให้ช่วงบ่ายวันพุธเป็นวันกีฬา ให้ทุกหน่วยจัดออกกำลังกายตั้งแต่บ่าย 3 ถึง 4 โมงครึ่ง อ้างเรียกความตื่นตัวในการทำงาน ด้านกระทรวงพาณิชย์จับมือห้างสรรพสินค้าจัดมหกรรมลด แลก แจก แถมสินค้าท้ายปีกระตุ้นการใช้จ่ายประชาชน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันที่ 31 ธ.ค.2559 และวันที่ 1 ม.ค. 2560 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ ตรงกับวันหยุดราชการ ดังนั้น มติครม.ในวันเดียวกันนี้ ให้เพิ่มวันหยุดชดเชย 2 วันคือ วันที่ 2 และ 3 ม.ค.2560 ดังนั้น ให้มีวันหยุดยาวช่วงปีใหม่จำนวน 4 วัน

พ.อ.หญิงทักษดากล่าวว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี รายงานผลการประชุมนานาชาติว่าด้วยการส่งเสริมกิจกรรม ทางกาย โดยผลการประชุมดังกล่าวระบุว่าในเด็กและผู้สูงอายุของคนไทยมีกิจกรรมเนือยนิ่ง อาทิ การนั่งเล่น ไอแพด หรือดูทีวีในวันหนึ่งเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จึงกำหนดว่าในวันพุธที่ 30 พ.ย. นี้เป็นต้นไป ทุกๆ วันพุธของทำเนียบรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ ในช่วงเวลา 15.00-16.30 น. ให้เป็นช่วงเวลาการออกกำลังกายของข้าราชการ

ผู้ช่วยโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ในส่วนของทำเนียบรัฐบาล จะใช้สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เป็นที่ออกกำลังกาย นายกฯ ระบุว่าหากสัปดาห์ใดที่นายกฯ มีเวลาว่างก็จะมาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย ขอให้ข้าราชการทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดพร้อมออกกำลังกาย มาออกกำลังกายร่วมกันเพื่อขยับเขยื้อนร่างกาย โดยไม่ต้องลงทุนซื้อหาชุดออกกำลังกายใหม่ ทั้งนี้การออกกำลังกายจะช่วยให้ข้าราชการมีความตื่นตัวในการทำงานและเมื่อออกกำลังกายร่วมกันเสร็จแล้ว สามารถไปประกอบกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับส่งลูกได้ต่อไปตามปกติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลัง ประชุมครม. ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า เมื่อมีเงินลงไปก็จะมีการใช้เงินกันมากขึ้น จะเกิดกระบวนการตั้งแต่ผู้บริโภคถึงผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายจะเกิดการใช้จ่ายเงินในระบบมากขึ้น ส่วนมาตรการวันขึ้นปีใหม่นั้นจะกำหนดในหลายๆ มาตรการซึ่งต้องรอฟังอีกครั้งว่าในช่วงปีใหม่จะมีอะไรออกมา ทั้งเรื่องการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยว การใช้จ่ายเงินซื้อของ ซึ่งจะประกาศออกมา

นายกฯ กล่าวว่า ช่วงปีใหม่นี้ ขอให้ทุกหน่วยงานมีเรื่องการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น การจัดสัมมนาถ้าเป็นไปได้ขอให้จัดในประเทศ ขณะเดียวกันเราจำเป็นต้องเอานักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเป็นช่วงวาระพิเศษ ฉะนั้น จะติเตียนใครมากไม่ได้ ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว และขออย่าพูดเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น วันนี้ต้องพูดถึงทัวร์ที่ผิดกฎหมายกับถูกกฎหมาย ใครทำถูกเราจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลให้มีประสิทธิภาพ

พ.อ.อธิสิทธิ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า ณ สถานทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ไทย และปรับลดค่าธรรมเนียมการลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เรียกว่า Visa on Arrival เป็นการชั่วคราว โดยในรายละเอียดคือเป็นการยกเว้นค่าวีซ่า ณ สถานทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ไทย จากเดิม 1,000 บาท โดยให้ยกเว้นไปเลยเป็นการชั่วคราว

ส่วนการปรับลดค่าธรรมเนียมการลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้แก่ชาวต่างชาติ โดยบัตรค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านใช้ได้ครั้งเดียว จำนวนทั้งหมด 19 ประเทศ ได้แก่ 1.ราชรัฐอันดอร์รา 2.สาธารณรัฐบัลแกเรีย 3.ราชอาณาจักรภูฏาน 4.สาธารณรัฐประชาชน จีน 5.สาธารณรัฐไซปรัส 6.สหพันธ์สาธารณ รัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย 7.สาธารณรัฐอินเดีย 8.สาธารณรัฐคาซัคสถาน 9.สาธารณรัฐ ลัตเวีย 10.สาธารณรัฐลิทัวเนีย

11.สาธารณรัฐมัลดีฟส์ 12.สาธารณรัฐมอลตา 13.สาธารณรัฐมอริเชียส 14.โรมาเนีย 15.สาธารณรัฐซานมารีโน 16.ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย 17.ไต้หวัน 18.ยูเครน 19.อุซเบ กิสถาน ทั้งนี้จากเดิม 2,000 บาท ลดลงเหลือ 1,000 บาทต่อคน เป็นการชั่วคราว โดยมาตรการทั้งสองมาตรการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2559 ถึง 28 ก.พ. 2560 (3 เดือน)

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี 2559 โดยพิจารณาทบทวนมาตรการเก่าและหามาตรการใหม่เพิ่มเติม เพื่อดูแลเศรษฐกิจโดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับผล กระทบ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว โดยมาตรการนี้จะออกมาใช้ก่อนปีใหม่ ซึ่งการออกมาตรการจะสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ที่ถือว่าไม่ได้แย่ ไม่ได้มีปัญหา แต่กระทรวงการคลังต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว ได้สูงๆ เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง

วันเดียวกัน นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า กรมการค้าภายในเตรียมความพร้อมเพื่อจัดราย การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนธ.ค. 2559 นี้ ตลอดทั้งเดือน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการสินค้า ห้างค้าปลีก สมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าส่งค้าปลีก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและลดราคาสินค้าพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นการจัดทำร่วมกันมาทุกปี ภายใต้โครงการ เทใจ… คืนสุข…เทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะแถลงรายละเอียด ในวันที่ 28 พ.ย.นี้

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในส่วนของกรม ได้รับความร่วมมือกับร้านค้าส่ง ค้าปลีก ในพื้นที่ทั่วประเทศ ในการลดราคาสินค้าพิเศษในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเริ่มในเดือนธ.ค.นี้ ตลอดทั้งเดือนจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งนอกจากจะมีสินค้าอุปโภค บริโภคมาลดราคาแล้ว ปีนี้ยังจะนำข้าวจากชาวนามาจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย โดยหลายร้านยืนยันมาว่าจะนำข้าวมาจำหน่ายอย่างถาวรในร้านไม่เฉพาะในช่วงที่ราคาข้าวตกต่ำ

“ตามปกติกรมก็จะจัดงาน “ค้าส่งรวมใจ โชห่วยไทยคู่สังคม” อยู่แล้วทุกปี แต่ปีนี้ก็อาจเปลี่ยนชื่อโครงการให้สั้นลงหรือจำง่ายขึ้น แต่การลดราคาก็ยังมีเหมือนเดิมทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค ใช้ในชีวิตประจำวัน และปีนี้อาจมีข้าวถุงเพิ่มมาด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการจัดงานดังกล่าวนั้นกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมาทุกปี โดยภายในสัปดาห์นี้กรมการค้าภายในจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกัน และจะแถลงข่าวในรายละเอียดในวันที่ 28 พ.ย.นี้

สำหรับแนวทางการจัดงานดังกล่าว ทุกปีกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกท้องถิ่นทั่วประเทศ รวมกว่า 13,500 สาขาทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะลดราคาสินค้าสูงสุดถึง 80%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน