เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 61 จากกรณีคลิปเหตุการณ์ที่แม่ของเด็กสาว วัยอายุ 16 ได้ไปติดตามตัวลูกสาวที่บ้านหลังหนึ่ง ที่ จ.นนทบุรี โดยต่อมาพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นครอบครัวของ พ่อแม่ลูก ที่เพิ่งเกิดคดีสะท้านโซเชี่ยล หรือ ครอบครัวกร่างนั่นเอง โดยแม่ของสาว 16 และได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี และเข้าแจ้งความดำเนินคดี ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 61 ที่ผ่านมา ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ออกหมายเรียกลูกชายครอบครัวกร่างแล้ว
โดยแม่ของเด็กสาววัย 16 ได้เปิดเผยกับ “ข่าวสด” ว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.61 ตนได้เดินทางไปรับลูกสาวที่บ้านของครอบครัวดังกล่าว ไปกัน 5 คน เนื่องจากลูกสาวโทรมาบอกให้ตนไปรับกลับ เพราะไม่อยากอยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อไปถึงตนเดินเข้าไปคนเดียวเคาะประตูเรียกก็ไม่มีใครเปิด โทรหาลูกสาวก็ไม่รับ พอดีมีคนลงมาเลยบอกว่ามารับลูก จากนั้นเขาก็พากันลงมาทั้งหมดบ้านเลย ในสภาพที่ลูกสาวเหมือนโดนหิ้วลงมา และร้องไห้ฟูมฟายลงมา
ส่วนเหตุที่มีการชุลมุนวุ่นวายตอนนั้นคือ ตอนแรกที่เรียกให้เปิดประตูไม่มีใครเปิดเงียบกันทั้งบ้าน แล้วน้องที่ไปด้วยกันก็แล้วบอกว่า จะลงมาดีๆมั้ยหรือจะให้ลากคอลงมา คือพูดแบบเปรยๆ เพราะว่าไม่มีใครลงมา คือเขาได้ยิน ตัวน้องที่เป็นแฟนลูกก็พูดว่า ไม่ต้องถึงกับหิ้วคอลงมาประมาณนี้ ทำฟึดฟัดๆเขาจะวิ่งเข้าไปเอาเรื่องกับพวกนั้น
“พอแม่เขาลงมาก็มาชี้หน้าลูกสาวเราว่า มึงรู้จักกูดีใช่ไหมว่ากูเป็นคนยังไง ซึ่งลักษณะเหมือนในคลิปที่ทุกคนเห็น แต่ไม่รู้ว่าคลิปมันเริ่มจากตรงไหน เพราะยังไม่ได้ดูเหมือนกัน ทีนี้เขาก็พูดว่าใครจะเอาตัวลูกสาวไป เขาก็วิ่งไปคว้ามีดบางคนก็ถือเหมือนเหล็กแป๊บ แต่จำไม่ได้ว่าใคร แต่มีคนถือเหล็กถือมีดออกไปที่จะเอาเรื่องกับพวกน้องข้างนอก ที่บ้านเขาอยู่กันเป็นหลายคน”แม่เด็กหญิงวัย 16 กล่าว
แม่เด็กหญิง กล่าวต่อว่า ตอนนั้นหลานสาวที่ไปด้วยก็เลยกลัว เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ให้ ถ้าจะเอาไปก็ให้แจ้งตำรวจมา และก่อนหน้านั้นพวกเขาก็พากันรุมด่าเราทั้งบ้านเลย พอตำรวจมาตำรวจก็เรียกออกไป แต่เขาไม่ให้เราเข้าไปแตะต้องตัวลูกสาวเราเลย พอเราจะเข้าไปหาเขาก็ดึงตัวน้องออก เขาไม่ให้เข้าใกล้เลย ไม่ให้มีโอกาสให้เราได้คุยกับลูกสาวเลย ลูกสาวก็ได้แต่ร้องไห้ พอตำรวจมาก็เคลียไม่ได้เลยให้ไปคุยกันที่โรงพัก แต่เขาไม่ไปหรอกเขาก็ไปพูดใส่ตำรวจหัวเราะใส่ตำรวจ พูดประมาณว่าตำรวจแบ่งฝ่ายประมาณนั้น เหมือนหัวหมอหัวกฎหมาย
แม่เด็กหญิงกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเราก็ไปรอที่โรงพัก พอไปแล้วเขาไม่มาก็เลยลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ที่ สภ.บางศรีเมือง ว่าเราไปเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นการลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ จากนั้นก็กลับมาแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และตำรวจก็ได้ออกหมายเรียกไปที่นนทบุรี แต่ว่าครอบครัวนี้ไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว หมายรียกเลยไม่ได้รับการตอบกลับ ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามตัว ความต้องการของตนตอนนี้คือต้องการตัวลูกสาวกลับมา ลูกสาวโทรมาหาเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยถามว่าอยากกลับบ้านไหม ลูกก็บอกว่าอยากกลับมาอยู่ ก็โทรคุยกันตลอดช่วงนี้ แต่มาวันสองวันนี้ลูกสาวโทรมาจะพูดแต่ให้ตนไปถอนแจ้งความ
“วันนี้ลูกก็โทรมา โทรมาขอเงินขอทุกวัน แต่เราไม่ได้โอนให้ และพูดกับลูกสาวอยู่ว่าให้กลับมาบ้าน เขาบอกว่าให้เราไปถอนแจ้งความก่อนถึงจะกลับมาเลยบอกว่ายังไม่ถอนเพราะจะเป็นป้องกันตัวของเขาเองด้วย ก็อยากฝากถึงลูกสาวว่าแม่รักและเป็นห่วง อยากให้กลับมาบ้านมาตั้งสติ มาอยู่กับแม่เพราะแม่มีลูกสาวอยู่คนเดียว หากเขาไม่กลับมาเราก็ต้องติดตาม เอาตัวกลับมาให้ได้ ถ้าถึงตอนนั้นก็คงต้องมีการฟ้องร้องกันต่อไป ให้ทางตำรวจดำเนินการทางกฎหมายต่อ ไม่อยากให้ลูกสาวอยู่กับครอบครัวนั้น เห็นคลิปหลายคลิปที่ผ่านมา และตัวเองก็เจอเข้ากับตัวเอง คือรับไม่ได้นึกถึงตอนนั้นทีไรมันรู้สึกสะเทือนใจ และคำพูดที่ลูกสาวบอกว่า พ่อขอมีอะไรด้วย คือรับไม่ได้ ยิ่งไปเห็นสภาพที่ไปอยู่บ้านรวมกันหลายคน มีห้องแค่สองห้อง ไม่มีความปลอดภัยที่จะรอดจากพ่อเลี้ยงได้”แม่เด็กหญิงกล่าว
แม่เด็กหญิงกล่าวต่อว่า ถ้าเขายังคิดที่จะรั้งไว้ คืออยากให้ครอบครัวนั้นส่งตัวลูกสาวกลับมาโดยดี ไม่ว่าน้องจะอยากกลับมาหรือไม่ อยากอยู่หรือไม่อยากอยู่ คือเราไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวกับครองครัวนี้ คำพูดแม่เขาที่เคยพูดว่า ถ้าน้องบอกแค่คำเดียวว่าอยากกลับ ก็จะส่งกลับ แต่หลายครั้งแล้วที่น้องบอกอยากมาก็ไม่เคยเห็นส่งกลับมาสักที
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางโทรศัพท์ถึงกรณีดังกล่าวจาก พ.ต.ท.พัสกร โพธาราม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นผู้เป็นแม่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.หญิง วาสนา ใจห้าว พนักงานสบสวน สภ.เมืองสุรินทร์จริง ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ซึ่งในระหว่างมาแจ้งความชื่อของผู้ต้องหาไม่ชัดเจน ก็เลยให้กลับไปหาข้อมูลอีกครั้ง จนกระทั่งมีข่าวครอบครัวนี้ออกมา จึงทราบชัดเจนว่าผู้ชายชื่ออะไร จึงได้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนการดำเนินการทางคดีนั้น ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย กรณีพรากผู้เยาว์ ผู้เสียหายคือผู้เป็นแม่ จากนั้นก็จะออกหมายเรียกผู้ต้องหามาพบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาไปแล้ว
