วธ.ตามหา 11 คน จาก 9 ภาพแห่งความจงรักภักดี จะเชิญเล่าความรู้สึกบันทึกเป็นจดหมายเหตุ ‘หญิงแม้น-ม.ร.ว. แม้นนฤมาส’ พร้อม ‘ม.จ.จุลเจิม ยุคล’ แจ้งสน.พระราชวังพบคนอ้างชื่อเข้าร่วมพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง รัฐบาลลดครหาขรก.แซงคิว สั่งเลิกนำขรก.ถวายสักการะตั้งแต่ 3 ธ.ค.

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 พ.ย. พล.ท. ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระ บาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร

จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 22 พ.ย. โดย มีราชสกุลจิตรพงศ์, ราชสกุลยุคล และราชสกุลอิศรางกูร ณ อยุธยา ร่วมในพระราชพิธี

เวลา 11.00 น. พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร 8 รูป โดยมี ม.ร.ว. ดนุโชติ เทวกุล ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร และม.ล.รักเกียรติ ศุขสวัสดิ์ ร่วมในพระราชพิธี

เวลา 17.30 น. ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงเป็นประธานสดับปกรณ์ในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราช วรวิหาร 8 รูป สวดพระอภิธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. หลังสำนักพระราชวังปิดการเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 37,820 คน รวม 25 วัน มี 788,118 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,595,403.75 บาท รวม 25 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 57,628,355.25 บาท

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระ องค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความไว้อาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ แจ้งว่า สำหรับวันที่ 1-2 ธ.ค. ที่งดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวในพระบรมโกศ เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ทางเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ จะงดแจกจ่ายอาหาร แต่ยังมีน้ำดื่มและน้ำสมุนไพรพระราชทานคอยให้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งทุกวันจะมีจิตอาสามาคอยช่วยให้บริการเสิร์ฟน้ำดื่มและอาหาร โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ที่มีจิตอาสามาช่วยเพียงพอแล้ว แต่วันธรรมดาจะมีจิตอาสาจำนวนน้อย ทำให้บริการไม่ทั่วถึง จึงขอเชิญชวนโรงเรียนต่างๆ ช่วยนำกลุ่มนักเรียนจิตอาสามาให้บริการประชาชนในวันธรรมดา เพื่อให้บริการได้ทั่วถึงมากขึ้น

ขณะที่เต็นท์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ภายในท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระ บรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จึงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทานมาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 27 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระ ที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนที่มากราบสักการะพระบรมศพต่างอยู่ในความ โศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายา ลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอก ซึ่งหลังจากเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

นายรัตฐกาน แซ่ม้า อายุ 40 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง พร้อมด้วยลูกสาว น.ส.เมวดี แซ่ม้า อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองกองวิทยาคม และญาติพี่น้องอีก 2 คน ที่ปั่นจักรยานจาก อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร เพื่อมาสักการะพระบรมศพ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า แม้ว่าการเดินทางมายังพระบรมมหาราชวังจะสามารถมาโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถประจำทางก็ได้ แต่ตั้งใจปั่นจักรยานเพื่อถวายความอาลัยและแสดงความจงรักภักดี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย โดยออกเดินทางมาพร้อมลูกสาวและญาติตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย. ระหว่างทางแวะนอนพักที่วัดและศาลาริมทาง ก่อนมาถึงสนามหลวงเวลาประมาณ 04.00 น. สำหรับระยะทางที่ปั่นมาราว 350-400 กิโลเมตร เทียบไม่ได้กับระยะทางที่พระองค์เสด็จฯไปช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกสารทิศในแผ่นดินไทย ซึ่งบางแห่งก็เป็นท้องที่ทุรกันดาร

ส่วนนางจันทร์ผง กันธิยา อายุ 80 ปี ชาว จ.ลำพูน ที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า วันนี้นั่งรถแท็กซี่มากับหลานตั้งแต่เวลา 01.00 น. และได้เข้าสักการะพระบรมศพประมาณ 09.30 น. รู้สึกดีใจมากที่ได้มา แม้จะรอเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมงกว่า ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย เพราะพระองค์ทรงงานหนักและเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกภาค และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงไม่ทอดทิ้งประชาชนเลย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีชี้แจงเรื่องวันสำคัญในเดือนธ.ค. และมีสื่อบางส่วนเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ทราบถึงวันสำคัญในเดือนธ.ค.อีกครั้ง คือวันที่ 5 ธ.ค. มิได้ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เป็นการพูดคุยในที่ประชุม ครม.ว่าวันที่ 5 ธ.ค.ปีนี้ ยังคงเป็นวันหยุดราชการ โดยทางสำนักพระราชวังจะจัดการบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายและจะมีพิธีพระราชทานสถาปนาเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์แก่พระสังฆาธิการ ส่วนกิจกรรมของประชาชน สามารถทำบุญตัก บาตรและทำความดีถวายพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ ใน ส่วนของหน่วยงานราชการและเอกชนที่จะทำปฏิทิน สำหรับปี พ.ศ.2560 ขอให้รอความชัดเจนในการเรียกวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และในปีนี้ รัฐบาลงดจัดงานสโมสรสันนิบาตด้วย

ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การเข้าสักการะพระบรมศพของข้า ราชการ ทำให้ประชาชนต้องใช้เวลารอนานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และอยากให้ทั้งสองฝ่ายถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่แบ่งแยก เพราะข้าราชการคือ ลูกหลานคนไทย ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า นายกฯ ระบุว่าเมื่อเห็นสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร ก็อยากให้ตักเตือนกัน ไม่ควรว่ากล่าวหรือวิพากษ์วิจารณ์ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศงดนำข้าราชการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไปแล้ว เพื่อความเหมาะสมและเป็นระเบียบเรียบร้อย คิดว่าไม่มีข้าราชการคนใดต้องการจะเอาเปรียบประชาชน และเชื่อว่าทุกคนยินดีและเต็มใจจะเข้าคิวเหมือนกับประชาชน ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพข้าราชการวางตัว ไม่เหมาะสมขณะปฏิบัติหน้าที่ในพระบรมมหาราชวังในโซเชี่ยลมีเดีย ทางผู้บังคับบัญชาได้ตักเตือนและดำเนินการทางวินัยแล้ว โดยนับจากนี้ขอให้ข้าราชการที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ทุกคนรักษาระเบียบวินัย และแสดงกิริยาอาการด้วยความสำรวม เหมาะสม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน

วันเดียวกัน มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าและศูนย์การสยามพารากอน แถลงจัดนิทรรศการ “บรมกษัตริยาธิราช” แสดงเรื่องราวในหลวง รัชกาลที่ 9 ตั้งแต่เมื่อ ครั้งทรงพระเยาว์ ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วย วังสระปทุม ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งแรกในประเทศไทย หลังจากโดยเสด็จ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี จากสหรัฐอเมริกานิวัตประเทศไทย ตั้งแต่พระชนมายุ 1 พรรษาเศษ นอกจากนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราช ทานสำเนาเอกสารพระราชสาส์นและสารแสดงความเสียใจมาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ซึ่งไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน อาทิ พระราชสาส์นของสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี จากญี่ปุ่น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก จากภูฏาน เป็นต้น นิทรรศการนี้จะมีตั้งแต่วันที่ 5-18 ธ.ค. ที่ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน