คุกสั่งแยกห้อง ไม่ให้เจอจตุพร “บิ๊กแป๊ะ”ยันตร. ทำตามยุทธวิธี

พุทธะอิสระสารภาพ ปลอมพระปรมาภิไธย ภปร.-สก.แต่ไม่มีเจตนาแอบอ้าง ยันเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ดุจชีวิต ยังขอต่อสู้ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรในชั้นศาล ประกาศไม่ประกันตัว ขอปลีกวิเวก แต่ยัน ไม่ปาราชิก นุ่งชุดขาว รักษาพระวินัยอยู่ อธิบดีราชทัณฑ์เผยให้นุ่งขาว ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน นอนแดนเดียวกับจตุพร พรหมพันธุ์ แต่ให้แยกห้อง ผบ.ตร.-ผบช.ก. แจงยุทธวิธีบุกจับถูกต้องแล้ว ลั่นหากมีใครยิงสวนออกมาแล้วเจ้าหน้าที่บาดเจ็บจะทำยังไง บิ๊กป๊อกแจงภาพถ่ายร่วมคณะตู่-ป้อม ถ่ายรูปร่วมกัน แค่เป็นงานทำบุญ โวยอย่าเอามาโยง

จากกรณีพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อายุ 59 ปี ถูกตำรวจคอมมานโด บุกจับคามุ้ง วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม พร้อมแจ้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธย ภปร.-สก. ประดิษฐานหลังพระเครื่อง นาคปรก รุ่น 1 ในปฐพี พร้อมส่งตัวฝากขังศาล ไม่ได้รับการประกันตัว ต้องสึก แล้วถูกคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามที่ข่าวสด เสนอไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นาย มหัศจักร โสดี ทีมทนายความของนายสุวิทย์ อดีตพระพุทธะอิสระ พร้อมลูกศิษย์ รวมตัว กันหน้าเรือนจำจำนวนหนึ่งตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.

นายมหัศจักรกล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมนายสุวิทย์ และจะหารือในประเด็นการยกเหตุขออุทธรณ์คำสั่งศาล และยื่นประกันตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นการเข้าไปจับกุมตัว พุทธะอิสระถึงกุฏิ ว่าเหมาะสมตามข้อหาหรือไม่ แต่หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวรอบที่ 2 เชื่อว่าลูกศิษย์จะไม่ก่อความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามลูกศิษย์มีความกังวลด้านสุขภาพ เนื่องจากพุทธะอิสระ มีโรคประจำตัวหลายอย่าง เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุที่ทำงานหนักมาตลอด และมีกำหนดนัดพบแพทย์ เพื่อผ่าตัดดวงตา

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. เดินทางมาเยี่ยมนายสุวิทย์ พร้อมเปิดเผยว่า เข้าไปเยี่ยมหลวงปู่ ท่านฝากไปยังลูกศิษย์ว่า หลวงปู่ สบายดี และจากการถูกดำเนินคดีนี้ หลวงปู่ถือว่าตนยังไม่ปาราชิก เลยยังคงถือ พระวินัยอยู่

ส่วนกรณีที่มีคลิปการบุกจับจากกองปราบฯนั้น ตนเห็นแล้วไม่สบายใจ อยากจะให้ทางผบ.ตร.ทำหนังสือชี้แจงนายกรัฐมนตรี แต่ทางหลวงปู่บอกตนว่า อย่าทำและได้ห้ามไว้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ถือว่าดีแล้ว เป็นชะตากรรมของท่านซึ่งเห็นว่าดีที่สุดแล้วในการถูกดำเนินคดี ถือเป็นความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อดำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชำระวงการสงฆ์ให้บริสุทธิ์ ดังนั้นจึงจะอยู่ในเรือนจำต่อไป ไม่ขอประกันตัว ต้องการปลีกวิเวกในช่วงเวลาหนึ่ง ขอให้ลูกศิษย์ไม่ต้องห่วงใย แม้สุขภาพจะมีปัญหาแต่ก็ ไม่ต้องนำยามาให้ เหตุการณ์นี้ถือเป็นคุณของ แผ่นดินแล้ว ตามเจตจำนงที่ท่านสู้มาตลอดชีวิต ตอนนี้จิตใจหลวงปู่หนักแน่นดั่งภูผา หนักแน่นไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด

นายธีรยุทธ วรรณเกษร ทนายความของหลวงปู่กล่าวว่า ขั้นตอนการประกันตัวนั้น จะรอทางพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนคดีก่อน จึงจะยื่นประกัน ซึ่งยังระบุเวลาไม่ได้ ในส่วนของคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่นั้น หลวงปู่จะต่อสู้ในคดีนี้ แต่ในส่วนของคดีการแอบอ้างพระปรมาภิไธยนั้น ทางหลวงปู่จะรับสารภาพ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแอบอ้าง เพราะหลวงปู่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ดุจชีวิต ซึ่งจะต้องขอพบหลวงปู่เพื่อดูรายละเอียดการรับสารภาพอีกครั้งต่อไป

ต่อมาเวลา 10.35 น. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมเปิดเผยว่า ตนเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังใหม่ที่แดน 1 แดนแรกรับ พบว่าโรงนอนสะอาดดี สุขาทั้งแบบนั่งยองและนั่งห้อยขา ตอนนี้ทุกคนตรวจร่างกายจากแพทย์ของร.พ.ราชทัณฑ์แล้ว พบว่ามีโรคประจำตัวกันทุกคน ส่วนใหญ่จะเพลียตอนนี้ยังให้อยู่แดน 1 ตลอดเสาร์อาทิตย์นี้ เพื่อให้ปรับตัวสักระยะ ก่อนจะชี้แจงถึงระเบียบเรือนจำและส่งไปยังแดนต่างๆ ในอาทิตย์หน้าตอนนี้อนุญาตให้ใส่ชุดขาว เพราะต้องให้เวลาในการเปลี่ยนผ่านจากสงฆ์เป็นฆราวาส ซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ในระเบียบของเรือนจำ ส่วนกิจกรรมสวดมนต์ ทางเรือนจำก็จัดให้มีอยู่แล้ว แต่ทางเรือนจำจะปฏิบัติทุกคนเท่าเทียมกันหมด ถือเป็นนักโทษชายเหมือนกัน และจะดูแลเรื่องความเรียบร้อย ไม่ให้มีการทะเลาะวิวาทเด็ดขาดตามที่มีคนกังวลเรื่องผู้ต้องขังมีความคิดแตกต่างทางการเมืองอยู่มาก ส่วนการเยี่ยมนั้นกำหนดไว้ที่ 09.00-15.00 น. วันเสาร์อาทิตย์ไม่อนุญาตให้เยี่ยม ทางเรือนจำได้ปรับปรุงห้องเยี่ยมใหม่ เข้าเยี่ยมได้ทีละหลายคน ใช้โทรศัพท์พูดคุยกัน แต่ไม่มีการสัมผัสตัวและการยื่นของ แต่ทางผู้ต้องขังสามารถใช้เงินซื้ออาหารได้ โดยใช้เงินเดือนละ 9,000 บาท เฉลี่ยวันละ 300 บาท ซึ่งผู้ต้องขังใหม่ก็สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ

ด้านนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หลังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รับตัวนายสุวิทย์มาแล้วเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ทำประวัติผู้ต้องขัง พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสุขภาพร่างกาย เบื้องต้นนายสุวิทย์ แจ้งว่ามีโรคประจำตัวเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรือหมอนรองกระดูก และดวงตาข้างขวามีปัญหามานานแล้ว ทางเรือนจำจะให้นายสุวิทย์ได้พบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการทั้งหมดอีกครั้ง ส่วน อาการอื่นๆ นั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 พ.ค ตนพบกับนายสุวิทย์แล้ว โดยพบว่านายสุวิทย์ไม่มีอาการน่ากังวล มีท่าทีสงบนิ่ง เหมือนเตรียมใจมาบ้างแล้ว และยังไม่มีการร้องขอสิ่งใดเป็นพิเศษ ส่วนการดูแลระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำนั้น เราจะปฏิบัติทุกอย่างเหมือนกับผู้ต้องขังทั่วไป

นายกฤชกล่าวอีกว่า ขณะนี้นายสุวิทย์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่แดนแรกรับของทางเรือนจำ และทางเจ้าหน้าที่แนะนำข้อปฏิบัติ กฎระเบียบ และ การใช้ชีวิตภายในเรือนจำให้กับนายสุวิทย์ ได้ทราบแล้ว ส่วนที่หลายคนพูดถึงว่าจะเกิดอันตรายหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ หากได้พบกับคู่ขัดแย้งทางการเมืองนั้น ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่เรือนจำคอยดูแลอยู่แล้ว และถึงแม้จะอยู่แดนเดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แต่เราจัดให้นอนคนละห้อง และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีอะไร น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าหากทั้งสองคนพบกันก็คงไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจกองปราบฯจับกุม 5 พระเถระชั้นผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัด รวมถึงกรณีที่หน่วยคอมมานโดบุกรวบตัวพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรและปลอมแปลงพระปรมาภิไธยว่า ทุกคนรวมทั้งตนรู้สึกเสียใจ เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แต่เมื่อมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย อยากให้สังคมเรียนรู้ว่าไม่ว่าใครก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะการเมืองหรือศาสนาต้องทำตามกฎหมายทุกคน

เมื่อถามถึงกรณีปรากฏภาพถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ร่วมกับ พุทธะอิสระในงานพิธีสงฆ์แห่งหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานมากแล้วเป็นช่วงที่ตนเกษียณอายุราชการแล้ว และได้ไปร่วมงานบุญดังกล่าวเท่านั้น ตนมองว่าไม่ควรนำภาพดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้น เมื่อถามว่ามีการตั้ง ข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับพุทธะอิสระ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ?แล้วรัฐบาล ไหนจับ?

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีคลิปการเข้าจับกุมนายสุวิทย์ ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โดยมีการทุบประตู และเข้าจับกุมขณะอยู่บนที่นอน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ว่า ยืนยันว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการถูกต้อง เป็นไปตามยุทธวิธี ทั้งนี้ประชาชนอาจยังไม่ชินกับการจับพระ จึงกระทบความรู้สึกของพี่น้องประชาชนบ้าง เพราะเป็นการดำเนินการกับพระ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าพระสงฆ์ก็มีทั้งพระดีและพระไม่ดี การปฏิบัติการของตำรวจก็ต้องระมัดระวังตัวเอง การดำเนินการเป็นไปตามโปรโตคอล(ขั้นตอน) เหมือนกรณีการจับกุมเสก โลโซ และพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แค่ประชาชนไม่ชินกับการควบคุมตัวหรือดำเนินการกับพระเท่านั้น ทั้งนี้ในคดีนี้ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

ที่บช.ก. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวถึงปฏิบัติการจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ ที่ถูกวิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุว่า ก็ว่ากันไป แต่ตำรวจก็ให้เกียรติในฐานะที่ครองจีวร บางทีการทำงานก็ต้องระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ต้องระวังตัวด้วย

ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่าย อาจมีสถานการณ์แทรกซ้อน อาจมีใครทำอะไรในสถานที่นั้นก็ได้ ไม่มีใคร อยากให้เกิดการเจ็บ การตายจากการปฏิบัติหน้าที่ หากมีกระสุนสักลูกโผล่มาก็ต้องมานั่งไล่เรียงกันอีกว่ามาจากใคร จากเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ที่ผ่านมาอดีตพระรูปนี้ไปไหนมาไหน มีการ์ด มีคนคุ้มกันมากมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องระวัง ประกอบกับช่วงปฏิบัติการเป็นช่วงเช้ามืด สถานที่ก็กว้างและในทางยุทธวิธี จุดที่เข้าไปเป็นพื้นที่ที่สถาปนาโดยฝ่ายตรงข้าม เราหมายถึงเจ้าหน้าที่ไม่คุ้นชิ้น ไม่รู้ว่ามีใครอยู่ตรงไหน อย่างไร ก็ต้องยกกำลังไปเพื่อความปลอดภัย

แต่สุดท้ายภารกิจก็ลุ่วงไม่มีการสูญเสียใดๆ อาจไม่ถูกใจใครบางคน แต่ก็ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หากมีการเจ็บการตาย เกิดขึ้น เรื่องราวก็จะไม่ง่ายอย่างนี้ ยอมรับว่า ไม่สามารถอธิบายยุทธวิธีให้ทุกคนทราบได้ มันเป็นหลักของความปลอดภัยทั้งต่อเป้าหมายและต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องนี้ถูกยุทธวิธี แต่อาจ ไม่ถูกใจ

ส่วนบรรยากาศที่วัดอ้อน้อยเป็นไปด้วยความเงียบเหงา หลวงตาเกษม พระลูกวัดอ้อน้อยกล่าวว่า ขณะนี้พระอธิการ ศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ยังเป็นพระปกครองตามปกติมีพระ และสามเณร รวม 30 รูป บนพื้นที่ในวัดกว่า 80 ไร่ ยังปฏิบัติตามกิจของสงฆ์เหมือนเดิม หลังจากที่พุทธะอิสระ ลาสิกขา แล้ว ก็ยังเคารพเหมือนเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน