บิ๊กแป๊ะ หอบหลักฐานบินเคลียร์เยอรมัน แจงข้อมูลกรณีอดีต พระพรหมเมธี ขอลี้ภัย ยันเป็นการดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน ไม่เข้าเงื่อนไขขอลี้ภัย เตรียมออกหมายจับ 3 คนไทย และ 2 คนลาว ที่ช่วยเหลืออดีตพระพรหมเมธีหลบหนี ขณะที่กองทัพไทย สั่งสำรองราชการร้อยโทที่เกี่ยวเงินทอนวัด แต่ยังให้รับเงินเดือนรอตร.แจ้งข้อหา กองปราบฯบุกจับเจ้าคุณปิง เลขาฯพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ คุมตัวสึก หลังพบเสพเมถุนกับฆราวาสชาย แถมถ่ายคลิปเก็บไว้ดู ด้านขช.สุวิทย์ ถูกหามส่งร.พ.ราชทัณฑ์ เหตุเลือดออกในกระเพาะอาหาร

จากกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำประเทศเยอรมนี คุมตัวอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้ที่สนามบินนานาชาติ แฟรงก์เฟิร์ต ระหว่างเตรียมผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับที่ตำรวจไทยประสานตำรวจสากลไว้แล้ว ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. พร้อมด้วยคณะอัยการ บินด่วนไปประเทศเยอรมนี ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG926 เพื่อสอบปากคำล่วงหน้า โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์เตรียมเดินทางไปสมทบ ประสานกับตำรวจเยอรมนีขอตัวอดีตพระพรหมเมธี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในวันที่ 6 มิ.ย.นั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางถึงสนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี และเดินทางเข้าขอยืนยันตัวบุคคลอดีตพระพรหมเมธีที่ถูกกักตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในบริเวณสนามบิน ควบคุมตัวอดีตพระพรหมเมธีที่ถูกควบคุมตัวไว้ และเข้าสู่กระบวนการเตรียมดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์และทีมงานเตรียมการประสานงานในเรื่องข้อมูลเอกสารและรายละเอียดข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อนำตัวผู้ต้องหากลับประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจองตั๋วเครื่องบินในเที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ TG921 จำนวน 14 ที่นั่ง โดยเป็นการจองแบบบล็อกทั้งโซน ซึ่งเป็นรูปแบบการจองตั๋วเพื่อเตรียมการนำตัวผู้ต้องหากลับประเทศ ซึ่งหากขั้นตอนการส่งกลับไม่ผิดพลาด ก็จะเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินดังกล่าวถึงไทยวันที่ 6 มิ.ย. ในช่วงเช้า

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีอดีตพระพรหมเมธี ได้เตรียมยื่นเอกสารขอลี้ภัยกับทางการเยอรมัน ตามที่ได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา หลังถูกตม.เยอรมันอายัดตัวไว้ตามคำขอของตำรวจไทย ขณะที่คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่เดินทางไปขอตัวก็เตรียมหลักฐานไว้ชี้แจงกับทางการเยอรมัน ว่าอดีตพระพรหมเมธี เป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกลั่นแกล้งอื่นๆ ซึ่งคาดว่าหลักฐานทั้งหมดจะสามารถหักล้าง เพื่อนำตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีที่ไทยได้

ขณะที่บรรยากาศที่กองบังคับการปราบปรามเช้านี้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เดินทางมาทำงานที่กองปราบฯช่วงเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า คดีของอดีตพระพรหมเมธีไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ ต้องรอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์เดินทางกลับมาและเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าวเอง

พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยทางโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าในการออกหมายจับ ผู้ที่มีส่วนรู้เห็นและช่วยให้การหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี โดยเป็นคนไทย 3 คน และคนลาวอีก 2 คน ในข้อหากระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมหารือว่าจะให้ทางตำรวจนครพนมเป็นผู้ขออำนาจศาลออกหมายจับ หรือจะให้โอนมาที่กองบังคับการปราบปราม

สำหรับ 5 คนที่มีข่าวก่อนหน้านี้ คือ คนขับรถ คนสนิทของอดีตพระพรหมเมธี และนางจันทนา หรือจันตนา รัตนวงศ์ หญิงชาวลาว และลูกชาย, สีกาจุ๋ม เจ้าแม่วงการตลาดหุ้นของเมือง หนึ่งในนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะออกหมายจับ “พระหนุ่ม” หรือพระอธิการพรเทพ เจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เป็นพระสายธรรมยุต ที่ให้นำรถตู้มาฝากไว้ที่วัด ก่อนข้ามไปลาว แม้ก่อนหน้านี้จะให้การว่าไม่รู้จักและสนิทสนมด้วย

เมื่อเวลา 12.45 น. ชุดสืบสวนของกองปราบปราม นำตัวพระวิสุทธิศาสนวิเทศ หรือเจ้าคุณปิง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และเลขานุการส่วนตัวของอดีตพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาส มาสอบสวนที่ กก.1 บก.ป. โดยเดินหลบเข้าทางประตูด้านข้าง เพื่อหลบกลุ่มสื่อมวลชน ทั้งนี้ในการนำตัวเจ้าคุณปิงมาสอบสวน เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบฯ เคยเข้าตรวจค้นกุฏิของเจ้าคุณปิงไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ใช้เครื่องมือพิเศษดูดข้อมูลทั้งหมดจากโทรศัพท์มือถือของเจ้าคุณปิงเพื่อหาหลักฐานบางอย่าง

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจบก.ปอท. ประสานกลับมาว่า พบข้อมูลภาพอนาจารของเจ้าคุณปิงขณะเสพสังวาสกับฆราวาสเพศชาย ซึ่งมีทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอจำนวนหนึ่ง กองปราบฯจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรงหรือไม่ กระทั่งทราบว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง วันนี้กองปราบฯจึงนำตัวเจ้าคุณปิงมาสอบสวน เพื่อยืนยันหลักฐานดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ชุดสืบสวนนำตัว พระวิสุทธิศาสนวิเทศ หรือเจ้าคุณปิง เดินทางกลับไปยังวัดสระเกศฯ เพื่อเข้าตรวจค้นภายในกุฏิเพิ่มเติมอีกครั้ง รวมทั้งให้เจ้าคุณปิงลาสิกขา โดยที่เจ้าตัวแสดงความจำนง และยินยอมสละสมณเพศด้วยตัวเอง เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมขณะอยู่ในเพศบรรพชิต ส่วนคดีอาญานั้นขณะนี้ยังไม่พบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดรวมทั้งในส่วนของคดีเงินทอนวัดด้วย ซึ่งหลังจากสึกแล้วกองปราบฯก็ปล่อยตัวไป

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับเจ้าคุณปิงนั้นเป็นที่รู้กันว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีความสนิทสนมกับวงการดารา ผู้จัดละคร และวงการบันเทิงจนมีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นคนที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้เจ้าคุณปิงยังเป็นผู้สนับสนุนโครงการปลูกต้นกล้ายาตราพุทธภูมิ ซึ่งเป็นโครงการบวชสามเณรของวัดสระเกศฯ ที่มีบรรดาเด็กผู้ชายเข้ามาร่วมบวชจำนวนมากในแต่ละปีอีกด้วย

ทั้งนี้เจ้าคุณปิงถือเป็นพระดาวรุ่งคนหนึ่งของวัดสระเกศฯ ก่อนหน้าที่จะอุปสมบทจบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จากนั้นศึกษาทางธรรมจนจบเปรียญธรรม 3 ประโยค และจบการศึกษาพุทธศาสนามหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณราชวิทยาลัยควบคู่กันด้วย เจ้าคุณปิงเป็นหนึ่งในพระที่ได้เลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็วเนื่องจากบวชมาเพียงแค่ 16 พรรษาแต่ได้เป็นถึงพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญที่ตำแหน่งพระวิสุทธิศาสนวิเทศ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2558 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ครองสมณศักดิ์เป็นพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณฯ ทำหน้าที่พระฐานานุกรมในพระพรหมสิทธิ เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.ธารไชยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดว่า ในชั้นต้นตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าในสิ่งที่เกิดขึ้น มีข้อมูลอย่างไรบ้างซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพียงแต่เชิญ ร.ท.ฐิติทัตน์ ไปสอบสวน ยังไม่ได้มีการกล่าวหาโทษแต่อย่างใด

“เรายินดีให้ความร่วมมือหาก ร.ท.ฐิติทัตน์ มีความผิด หรือทางตำรวจได้ชี้ประเด็นมาว่าผิดอย่างไร เราจะดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว พร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งเบื้องต้นเขามารายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว และสั่งสำรองราชการไว้ก่อน หมายถึง ไม่ให้เขาใช้ตำแหน่งหน้าที่เดิมไปมีบทบาท หรือมีอิทธิพลเหนือหลักฐานต่างๆ แต่ยังคงได้รับเงินเดือน เพราะความผิดไม่สำแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา” พล.อ.ธารไชยยันต์กล่าว

พล.อ.ธารไชยยันต์กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล หากถูกมองว่าทหารช่วยเหลือกัน เพราะทุกอย่างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางราชการ หากดำเนินการรุนแรงกว่านี้ เขาฟ้องกลับว่าใช้อำนาจเกินกว่าเหตุจะทำอย่างไร คงรอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหากับ ร.ท.ฐิติทัตน์ ก่อนค่อยดำเนินการ หน้าที่ของกองทัพตอนนี้ คือ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย หากมีข้อสงสัยว่าเขาทำให้กองทัพเสียหาย ซึ่งก็ดำเนินการอยู่ แต่ในทางกฎหมายอาญา ทางตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาใด เพราะทราบว่าร.ท. ฐิติทัตน์ได้ชี้แจงกับตำรวจกรณีมีอาวุธปืนหลายสิบกระบอก ซึ่งทุกกระบอกมีหลักฐานการครอบครองถูกต้อง ส่วนเงินทอนวัด เขาปฏิเสธไม่เกี่ยว

วันเดียวกัน นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการควบคุมอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในคดีเงินทอนวัด และนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพุทธะอิสระ ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจรและปลอมพระปรมาภิไธยว่า การดูแลอดีตพระผู้ใหญ่ขณะนี้เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้วไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแต่อย่างใด ทั้งนี้ในส่วนของขช.สุวิทย์ พบว่าเมื่อเช้าพบว่ามีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร จึงนำตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปตรวจอาการอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนนำตัวกลับมาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเช่นเดิม เบื้องต้นพบว่าเป็นอาการข้างเคียงจากการรับประทานยาที่รักษาอาการโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งทางแพทย์ประจำโรงพยาบาล เปลี่ยนเป็นยาฉีดและแต่ยังพบว่าขช.สุวิทย์ มีระบบขับถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ มาหลายวันแล้ว จึงนำไปตรวจอาการอย่างละเอียดจึงพบว่ามีเลือดออกกระเพาะอาหาร

นายกฤชกล่าวอีกว่า สำหรับอาการปวดหลังยังคงทรงๆไม่ได้ดีขึ้น เพราะเท่าที่ทราบจากเจ้าหน้าที่พบว่า ช่วงตี 1 ขช.สุวิทย์ จะลุกขึ้นมานั่งสมาธิภายในห้องขังที่มีเพื่อนผู้ต้องขังนอนร่วมห้องประมาณ 20 คน จนถึงช่วงเช้า ที่เจ้าหน้าที่จะมาไขกุญแจเปิดเรือนนอน ให้ออกไปทำกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้พบกับขช.สุวิทย์ ก็บอกว่า “ฉันดื้อเอง ท่านผบ.”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน