ศศิน จับตา คดีล่าเสือดำ ส่อ เปรมชัย ยื้อคดี เบนความสนใจประชาชน

วันที่ 7 มิ.ย. นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวถึงกรณีมีการโอนคดีการล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด มหาชน และพวก ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ว่า ตนมองเรื่องนี้ว่าเป็นการประวิงเวลา และเป็นการเทคนิคของทนายความ ซึ่งแน่นอนว่า จะเป็นผลดีต่อนายเปรมชัย เพราะ ถ้ามีการตัดสินในช่วงเวลาที่บ้านเมืองอยู่ในจุดเปลี่ยนหรือจุดผ่าน เช่น มีการเลือกตั้ง ผู้คน และสังคมก็จะให้ความสนใจกับประเด็นการเมืองและการเลือกตั้ง คงไม่มีใครออกมาเคลื่อนไหวในกรณีเสือดำ หากมีคำตัดสินออกมา และเป็นคุณต่อนายเปรมชัย คำวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมก็อาจจะลดน้อยลง ซึ่งทางมูลนิธิสืบฯ คงทำอะไรไม่ได้ แต่จะจับตาเรื่องนี้ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลอย่างใกล้ชิด

ด้านนายชำนัญ ศิริรักษ์ นักกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในมุมมองของตนมองว่า เป็นเทคนิคของทนายความที่ทำคดีให้นายเปรมชัย เพื่อต้องการประวิงเวลา เพราะ หากนำคดีการล่าสัตว์ป่าเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ ก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งในกระบวนการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งโดยปกติแล้ว การพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะมีขั้นตอนการพิจารณายาวนานว่าศาลปกติ

ซึ่งกรณีนี้ได้มีการฟ้องคดีอาญาในประเด็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ แล้ว โดยมีผู้ต้องหาเพียง 2 คน ส่วนคดีการล่าเสือดำได้ฟ้องไปที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ แต่ในกรณีนี้ทนายของเปรมชัยอาจมองว่า คดีทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน จึงพยายามนำคดีเกี่ยวกับการล่าสัตว์ป่าทั้งหมดมารวมไว้ในศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งในมุมมองของตนศาลน่าจะมีคำวินิจฉัยในการพิจารณารับหรือไม่รับแต่ละคดีก็ได้ เพราะจำนวนจำเลยในแต่ละคดีไม่เท่ากัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน