สูตินรีแพทย์ ชี้ “ท้อง-ไม่ท้อง” ดูแค่ผลปัสสาวะไม่พอ ส่วน’แท้ง’ เกิน 1 สัปดาห์
ตรวจสอบยาก

สูตินรีแพทย์ – วันที่ 23 กรกฎาคม พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูติ-นรีแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลพิจิตร กล่าวถึงการตรวจการตั้งครรภ์ว่าท้องหรือไม่ท้อง ว่า การคิดว่าท้องของคนไข้และแพทย์นั้นต่างกัน ส่วนใหญ่ประชาชนจะคิดว่า อาการขาดประจำเดือน หรือคลื่นไส้อาเจียน คือ การตั้งครรภ์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงอาการสงสัยการตั้งครรภ์เท่านั้น ส่วนอาการที่บอกว่าตั้งครรภ์จริงๆ ของแพทย์ คือ จะต้องมีเด็กหรือตัวอ่อนอยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งขั้นตอนการวินิจฉัยการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลนั้น แพทย์จะทำการซักประวัติก่อน มีอาการประจำเดือนขาดหรือไม่ โดยอาการแรกของการตั้งครรภ์ คือ ประจำเดือนขาดและอาการนมคัด ไม่ใช่อาการอย่างอื่น อย่างพวกคลื่นไส้อาเจียน จะเกิดตอนตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน

พญ.ชัญวลี กล่าวว่า สำหรับวิธีในการตรวจมี 3 วิธี คือ 1.การตรวจน้ำปัสสาวะ ซึ่งหากตั้งครรภ์จะมีการฮอร์โมนของเด็กอยู่ในปัสสาวะ อย่างไรก็ตามในทางการแพทย์จะไม่ทราบว่า ปัสสาวะนั้นเป็นของใคร ดังนั้นการตรวจสารเสพติดตำรวจ จึงต้องควบคุมว่าเป็นปัสสาวะของคนๆ นั้นจริง เพราะ อาจมีสับเปลี่ยนกันได้ แต่การตรวจครรภ์นั้นเราให้เกียรติ ไม่ได้มีการไปคุมอะไรขนาดนั้น เพราะ คิดว่าทุกคนที่มาก็เพราะอยากมีลูก อย่างไรก็ตามการตรวจปัสสาวะอาจได้ผลบวกลวงหรือผลลบลวงได้ เช่น ปัสสาวะข้นเกินไป หรือมีโปรตีนบางอย่างมากเกินไป หรือบางคนเป็นโรคไทรอยด์ ก็จะสร้างผลบวกลวงออกมาได้ คือ ไม่ได้ท้องจริงแต่เกิดผลว่าท้อง หรือกรณีผลลบลวงอาจเกิดจากดื่มน้ำมากเกินไป จนปัสสาวะไปเจือจางฮอร์โมนเด็ก หรือการตั้งครรภ์เกิน 3 เดือน ก็จะตรวจไม่พบ ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย

พญ.ชัญวลี กล่าวว่า 2.การตรวจภายในร่วมด้วย โดยอาการตั้งครรภ์ คือ ปากมดลูกบวม มดลูกโตขึ้น มดลูกนิ่มขึ้น แต่การตรวจภายในบางคนอาจไม่สะดวก และ 3.การอัลตราซาวนด์ เพื่อยืนยันว่ามีเด็กอยู่ในโพรงมดลูกจริง ซึ่งบางคนผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก แต่ไม่ได้ตั้งครรภ์จริง เช่น เป็นท้องไข่ลม คือ การท้องโดยไม่มีตัวเด็ก เหมือนไข่เป็ดไข่ไก่ที่ฟักไม่เป็นตัว ธรรมชาติจะทำให้หลุดไปประมาณ 2 เดือน โดยจะหลุดไปเอง หรือเกิดท้องแล้วฝ่อไป หรือท้องนอกมดลูก ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ไม่ปกติ ดังนั้นหากมีอาการขาดประจำเดือน หรือไม่ได้คุมกำเนิดแล้วประจำเดือนมาไม่ปกติ เบื้องต้นที่แนะนำ คือ ให้ซื้อที่ตรวจครรภ์ในการตรวจเบื้องต้น แต่ไม่ว่าผลการตรวจจะเป็นอย่างไรก็ควรมาพบแพทย์ว่าใช่การตั้งครรภ์จริงหรือไม่ เป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ ท้องนอกมดลูกหรือไม่ เป็นการท้องลม ตั้งครรภ์ไข่ฝ่อหรือไม่ หรือหากผลเป็นลบ เป็นผลลบลวงหรือไม่ หรือเกิดจากปัญหาอื่นที่ทำให้ประจำเดือนขาดแล้วต้องรักษา

พญ.ชัญวลี กล่าวว่า สำหรับวิธีในการตรวจว่าแท้งลูกหรือไม่ สามารถตรวจได้จากน้ำปัสสาวะ โดยหากแท้งภายใน 3-5 วัน ในการตรวจช่วง 2-3 วันแรก จะยังพบฮอร์โมนเด็กอยู่ แต่ฮอร์โมนจะลดลงไปแบบครึ่งๆ หรือฮาล์ฟไลฟ์ หรือการตรวจภายในก็จะเห็นมีเลือดออก เนื่องจากหลังแท้ง มดลูกจะยังบวมโตอยู่ หรือการตรวจอัลตราซาวนด์ ก็จะเห็นว่าเยื่อบุโพรงมดลูกหนา หรือตัวมดลูกยังโตจากการแท้ง แต่ถ้าเกิน 1 สัปดาห์จะดูยาก โดยเฉพาะการแท้งในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรก เพราะ มดลูกจะเข้าที่ไว อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะต้องตั้งครรภ์จริงหรือท้องลม หากมีเลือดออก ก็ไม่ใช่ว่าจะหลุดออกมาง่ายๆ ก็ต้องไปโรงพยาบาลในการตรวจเช่นกัน เพราะหลุดแล้วอาจออกมาไม่หมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน